เบื้องบาทชนนี

เบื้องบาทชนนี

ปฐมบทความคนชอบเล่าดิฉันเลยชอบเขียนสวนกระแสฅนไม่ชอบอ่าน *** เบื้องบาทชนนี *** หลายคนถามหลายคนเกิดความสงสัยกับเบื้องบาทพระมารดาชนนียาตรา คำว่าเบื้องบาทพระมารดาชนนีในที่นี้หมายถึง การยาตราของพระมารดาชนนีอวยชัยแด่เหล่าสาวกผู้ศรัทธาในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ผู้ที่เริ่ม๙เท้าเข้าสู่เส้นทางแห่งศรัทธามักจะหลงกับมายาด้วยความไม่รู้เป็นพาหะนำพาให้เกิดความอยากรู้ อยากบูชาให้ถูกต้อง เมื่อบังเกิด๒วลีคำนี้ขึ้นในจิตสิ่งที่อยากรู้ว่าถูกหรือผิดนั้น จึงร้ายกลายกลับเป็นสะพานแห่งความสูญเสียในสิ่งที่ตนมี นั้นก็คือความบริสุทธิ์ทางใจเมื่ออยากรู้แสดงว่าไม่รู้มักจะถูกหลอก หลอกให้เกิดความศรัทธาที่ผิดรูปลวงให้ศรัทธาแบบไม่ลืมหูลืมตาให้บังเกิดความงมงายเข้ามาแทนที่บาทวิถีแห่งศรัทธานั่นเอง แต่ช้าแต่ไม่ต้องแห่แหนตามวิถีใครมาร่วมทางเป็นดีที่สุดเพราะศรัทธาในตนไม่มีคำว่าผิดบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าเราผู้ศรัทธากระทำในสิ่งที่ตนศรัทธานั้นให้ถูกกาลเทศะที่ตนพึงกระทำ เริ่มต้นดีชีวิตย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งทางแต่ถ้าเริ่มต้นด้วยการอยากรู้มักจะพังพินาศสิ้น สิ้นด้วยความรู้ที่ตนได้รับ รู้หลักเน้นการปฏิบัติแต่ถ้าไม่รู้ตนต่อให้ปฏิบัติตนเช่นใดก็ยากจะประสบพบความสำเร็จ ปฏิบัติตนบนวิถีแห่งศรัทธาให้ถูกทาง …

ทางเดิมที่เคยเดินหากหลงผิดทางสู่เส้นทางแห่งมายา(ลวง) ลวงในคราบขาวสวยใสมักชักพาให้เสียสติในเส้นทางแห่งทำ ทำที่ไม่ใช่ธรรม ธรรมะนำพาชีวิตหรือก็ไม่เพราะคำว่าธรรมมะนั้นยากจะเข้าถึงถ้าผู้คิดจะปฏิบัติในธรรมต้องรู้ตัว รู้ตน รู้สติ รู้ปัญญา ถึงจะเป็นผู้ปฏิบัติตนได้ดีไม่ว่าจะด้วยวิถีชีวิตในแวดวงสังคมใดก็ตาม หากขาดสติเขลาด้วยปัญญายากจะนำพาให้เจริญในชีวิต วิถีปฏิบัติหากเริ่มนำพาตน๙เท้าออกนอกเรือนนั้นหมายถึงผู้ตาม ตามในรูปแสวงหาสิ่งที่ใจปรารถนา พบเจอในสิ่งที่ชอบก็ดีหากไม่พบเจอในสิ่งที่ชอบการแสวงหาก็เริ่มต้นนับ๑ใหม่ ย้อนถามใจชีวิตความอยากรู้จะเริ่มนับ๑ใหม่อีกสักกี่ครั้ง ไฉนไม่เริ่มต้นนับ๑ที่จุดเกิดแห่งศรัทธานั้นก็คือใจ เรียนรู้ใจ เข้าให้ถึงใจตน เอาชนะใจตนให้ได้เพียงเท่านี้หลักในการปฏิบัติชอบที่สอนให้ทำก็พ่ายสิ่งที่เรากำลังกระทำ ทำตนที่เป็นตนให้สำเร็จในคุณงามความดี คิดดี ต่อยอดด้วยการกระทำดี ดีคือการกระทำๆให้เป็นนิสัยไฉนเลยต้องแสวงหาเรียกที่จะรู้จาก ปาก ฅน … 

*** บาทวิถีแห่งมายาศรัทธา ***

บาทวิถีแห่งชนนีนั้นคือ๑บาทวิถีแห่งความเรียบง่ายได้ใจความ๕ส สอ  ส๑.สุข ส๒.สมบูรณ์ ส๓.สำเร็จ ส๔.สำราญ ส๕.สมปรารถนา   ความสุขที่แฝงไว้ด้วยความสมบูรณ์นั้นหมายถึงความพร้อม พร้อมในความสำเร็จเมื่อสัมผัสถึงความสสำเร็จเราก็จะสำราญ สำราญใดจะสุขเท่าความสำราญในสิ่งที่สมปรารถนานั้นหามีไม่ จิตคือ๑กุศโลบายในรูปของนามธรรมนำส่งให้เรากระทำ ฟ้าเรือนชานมายาเทวีกล่าวไว้ว่าการไม่มีใช้ในจักรวาล การมีไว้บังคับใช้กับมนุสสภูมิเท่านั้น จักรวาลต่างหมุนเวียนเปลี่ยนไปด้วยระบบแห่งการหมุนรอบตัวเองพร้อมโคจรหมุนรอบดวงสุริยะนั้นคือ จักรวาล สุริยะถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลให้กำเนิดเกิดความเจริญงอกงามด้วยพลังแสงที่สาดส่องสว่าง จันทรกำหนดให้เกิดแรงโน้มถ่วงด้วยขึ้นและลงของชลธีธาร เมื่อพลังแห่งสุริยันแลจันทราฉายบังเกิดความสมดุลสิ่งมีชีวิตต่างประสบพบด้วยสุขนานับประการ จักวาลคือธรรมชาติรอบข้างกำหนดสร้างขึ้นธรรมชาติเองหาได้เกิดกำเนิดขึ้นด้วยน้ำมือมนุษยย์โลกไม่ ตรงกันข้ามมือมนุษย์ที่อิงอาศัยบนพื้นโลกต่างทำลายล้างธรรมชาติรอบข้างให้สิ้นไปอย่างไม่รู้ตัว …

มนุษย์สุดแสนประเสริฐเลิศล้ำในปฐพีมนุษย์คือผู้ทำลายล้างผ่านพลังงานทางความคิดในกลไกลของสมอง ขลาดในความคิดผิดในการวิเคราะห์ลงมือทดลองเสมือนกุญไขสู่ความล่มสลายของพลังงานในธรรมชาติที่นำมาแปรรูปใช้ในทางที่ผิดนั้นคือ ใจ ใจมนุษย์สุดหยั่งลึกกว่ามหาสมุทรลึกสุดแล้วนั้นก็คือ ใจคน หากใจที่บริสุทธิ์อยากรู้ เมื่อรู้ไม่ท่องแท้กิเลสในจิตนำพาให้เกิดอยากจะเป็นผู้นำตามที่ตนเคยเป็นผู้ตาม ผู้นำเป็นยากหากผู้นพนั้นยังไม่รู้จักการเป็นผู้ให้ที่แท้จริง ให้เป็นทาน กับรับไว้เพือรับประทานความหมายผิดกันอย่างสิ้นเชิง เป็นในสิ่งที่เกินกว่าความน่าจะเป็น๑พลังงานมนุษย์นั้นคือ ใจ ใจกำหนด ใจสั่งมา สนองใจตนแต่การเป็นผู้นำคนนั้นต้องบังคับ-หักห้ามใจให้เป็น ผู้นำคนต้องกำหนดใจและเปิดใจ แต่ผู้นำคนที่ดีหาใช่ต้องนั่งมองแล้วทำใจกับกิริยามารยาทของคนรอบข้าง ทำใจ เสมือนรอความพังพินาศสิ้นมาสู่วิถีที่ตนแสร้งตนขึ้นเป็นผู้นำคนต้องนำตนให้ประสบพบความสำเร็จด้วย วิถีแห่งตน คนเจริญ …

หลายต่อหลายคนที่ถามทำอย่างไรให้สำเร็จในบาทวิถีแห่งศรัทธา แค่คิดเช่นนั้นกับคำถามที่ค้างคาในใจคุณผู้แวะอ่านก็ตกม้าตายตั้งแต่ยังมิได้ขึ้นหลังควบอาชาออกสู่สนามชีวิตเลยนะเจ้าค่ะ บาทวิถีแห่งมายาว่าด้วยศรัทธานั้นไม่มีสิ่งใดที่กำหนดบังคับใช้ต่อพระนามอันศักดิ์สิทธิ์เหล่าเทพเทวดาในทิพย์สภาเบื้องบนทั้งสิ้น จะมีบังคับใช้กันก็ด้วยน้ำคำผ่านลมปากคนด้วยกันเองที่ต่างตั้งกฎตั้งเกรณฑ์บังคับใช้เชิงข้อบังคับว่าต้องนั่นต้องนี้เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ กำหนดแบบแผนขึ้นใช้กับบาทวิถีแห่งศรัทธาให้อยู่รวมกันได้ปฏิบัติร่วมกันอย่างดีมีสุข แต่มวลมนุษย์ต่างมักใหญ่หวังใฝ่สูงได้คืบหวังศอก จับหักศอกผู้ที่ตนเคย๙เดินตามหลังไม่เป็นท่าเพื่อหวังตั้งตนขึ้นเป็นใหญ่แทน ความคงวาว่าไว้ด้วยใจคนยากจะค้นหาความจริงๆในแต่ละคนเลยห่างหายไปจากวิถีแห่งศรัทธา ถ้ามนุษย์พึงพอกับคำว่าเพียงตน ท้ายสุดแล้วนั้นตนเป็นที่พึ่งแห่งตนด้วยกันทั้งสิ้น ดิฉันเชื่อว่าทุกสิ่งบนบาทวิถีชีวิตจะสงบสุขได้ด้วยตัวของมันเอง ดั่งเช่นกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล กาลที่เปลี่ยนไปด้วยสายลมพัดผ่านให้บังเกิดลมร้อนพัดพาลมหนาวเข้าแทนที่ ถ้าใจคนเรารู้จักพอประมาณในสิ่งที่ตนมี และเข้าให้ถึงกับแก่นแท้ของชีวิตก็จะไม่เกิดความงมงายเข้าแทรกในขดหยักสมอง ของ ตน อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ …

*** ยกบาทเพื่อจังหวะของชีวิตที่๙เดิน ***

ความเป็นคนไม่รู้จักพอ พอตนพึงพอประมาณคนไม่รู้จักพอจึงแสวงหาในสิ่งที่ตนคิดเพ้อฝันในมโนจิตให้กลายเป็นความจริง ความมโนในจิตตนนั่นคือบาปหรือบุญต้องย้อนพิจารณาคิดให้ถ้วนถี่ คิดมี สิ่งที่มีนั้นมาจากไหน หากใครถามไหนเล่าเราจะเล่าความจริงหรือเสกสรรปั้นแต่เล่าความเท็จปั้นน้ำไม่เคยเป็นตัวได้ฉันใดมือจับดินปั้นรูปปั้นร่างยังเป็นตัว ทุกคนมีความมโนได้ไม่ผิดจะผิดแปลกถ้าเรานั้นไร้สิ้นความมโนความมโนคือต้นกำเนิดของทุกสิ่ง แต่สิ่งที่สามารถสร้างความมโนในจิตให้เป็นจริงได้อย่างภาวรนั้นคือความจริง แต่ใครเล่าจะยอมรับในสิ่งที่เรียกว่าความจริงผู้สอนธรรมยังหาได้กระทำ แล้วสิ่งที่ตนทำจะเรียกว่าเส้นทางแห่งธรรมนำพาชีวิตได้เช่นไร จริงไหมเจ้าค่ะ …

ความจริงจงเจริญไม่มีผู้นำใครหน้าไหนบนโลกใบนี้ที่จะยอมรับในสิ่งที่ตนขาดด้วยความขลาดขึ้นบังตามาเล่าขานความขลาดของตนให้คนฟัง ตาคือหน้าต่างของหัวใจแต่เมื่อกิเลสขึ้นบังตาตนความหวังในมายาด้วยศรัทธาที่ตนมีมันจะไม่แสร้งแกล้งทำตนให้เป็นคนดีได้เช่นไร มีดีกับดีที่มีแตกต่างกันสำหรับวิถีของผู้นำคน เป็นธรรมดาของสังคมโลกผู้ตามหากไม่ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนาถีบหลังผู้ที่ตนเดินตามเป็นธรรมดา และในเวลาเดียวกันผู้นำหากไม่ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนาจากผู้เดินตามก็เริ่มห่างหาผู้เดินตามหน้าใหม่ที่สนองตอบในสิ่งที่ตนปรารถนาได้มาแทนที่ …

สัจธรรมความเป็นจริงที่ถูกปิดตายพร้อมทำหน้าครอบงำใจคนอยากรู้หน้าใหม่เวียนกลับสลับเปลี่ยนไม่จบไม่สิ้น บาทวิถีแห่งชนนีสอนให้ดิฉันและคนบนเรือนชานมายาเทวีรู้ผิดด้วยรู้ชอบ เมื่อชอบรู้ต้องยอมรับว่าสิ่งที่รู้มาเมื่อรู้๑ อยากรู้๒ เมื่อรู้หน่วยก็อยากผสมให้เป็นสิบ ท้ายที่สุดสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นเมื่อตาแต่ไม่รู้คิดพิจารณาด้วยปัญญาก็พึงอย่าได้กล่าวคำขึ้นสอนใคร สิ่งที่รู้มาหากกระทำจะรู้ผิดเมื่อรู้ผิดจะรู้ชอบๆทำต้องมาก่อนชอบในธรรม ผู้นำกลุ่มมันนิยมทำธรรมผ่านปากนั่งสอนเดินสอนแต่ไม่กระทำจะเรียกว่าชีวิต๙เดินในทางธรรมสอนใจตนได้เช่นไร …

รู้แล้วพึงทำให้เป็นนิสัย สติจะบังเกิดตามมาคือปัญญา ปัญญาจะแตกฉานในสิ่งที่กระทำต้องทำให้เป็นนิสัย นิสัยคือที่พักของกิเลสในมนุษยภูมิ โลกแห่งกิเลสเปลี่ยนไปตามยุคสมัยก็จริงอยู่แต่โลกแห่งความจริงนั้นก็ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากที่เคยเป็น พลังแสงสาดส่องสว่างจากดวงอาทิตย์หมายถึงเช้ารุ่งขึ้นวันใหม่ทุกหน้าที่ต่างลืมตาตื่นขึ้นกระทำตนในแต่ละวิถีที่ตนพึงกระทำ เมื่อกาลเปลี่ยนด้วยเพลาสิ้นแสงแห่งดวงสุริยันสาดส่องแสงนวลผ่องแห่งจันทราฉายต่างรู้ว่ากาลราตรีมาเยือนมนุษยภูมิ ต่างวางมือเตรียมพักกายาหลับตานอนคือบาทวิถีในกิจวัตรความเป็นคน คนทุกคนต่างลืมตาตื่นพร้อมหลับตานอนด้วยกันทั้งสิ้นแม้สรรพสัตว์รวมไปถึงพืชและสิ่งมีชีวิตต่างถ่ายทอดผ่านพันธุกรรมในเผ่าพันธุ์ …

*** ความดีที่กระทำนำส่งให้เป็นเกราะกำบังตนนั้น คือ บารมีทาน ***

เกิดเป็นคนด้วยเผ่าพันธุ์ผ่านพันธุกรรมความเป็นคนพึงรู้ว่าสิ่งใดพึงเรียนสิ่งใดพึงรู้และสิ่งใดพึงกระทำ ทำให้เป็นธรรมเลือกที่จะหยุดและเริ่มกระทำในสิ่งใหม่ได้หากใจเราไม่ปิดกั้นความจริง เปิดใจให้กว้างเริ่มต้นยอมรับในสิ่งที่เราขาดจนความขลาดเข้าครอบงำใจ ตรงกันข้างสิ่งที่มนุษย์ชอบสร้างคือ ความร้าวฉานมากกว่าความแตกฉานในวิถี สันดานความเป็นคนๆบางจำพวกขาดในความเคารพนับถือจากผู้คนรอบข้างมักหยิบยกธรรมมากระทำเพียงบังตน บ้างหยิบยกนามแห่งเทพเทวดาฟ้าเบื้องบนขึ้นบังหน้าครองร่างในคราบตนให้ผู้คนได้กราบไหว้น้อมบูชาเสมอเหมือนตนคือเทพเทวดาลงมาเดินดิน ถ้าเราผู้ศรัทธาต่างไม่หยุดแสวงหาในธรรมผ่านปากเทวดาพูดได้วิถีแห่งตนจะพบกรรมมากกว่าพบแสงสว่างแห่งธรรมนำพาชีวิต พึงตระหนักย้อนคิดให้มากกับบาทวิถีแห่งมายาที่เราเลือกเดิน มายาแสร้งสาไถมีมากมายหลายรูปแบบ คิดจะเดินตามใครต้องวิเคราะห์ย้อนพิจารณาให้ถ้วนถี่บาทวิถีแห่งเทพเทวดาเราต่างรู้ว่าคือทิพยภูมิ หาใช่ต้องควักทรัพย์จ่ายพันยันแสนว่าด้วยศรัทธาร่วมสร้าง …

วิถีแห่งศรัทธาหาใช่ต้องสร้างแต่พึงร่วมด้วยช่วยกันรักษาไว้ให้คงอยู่ อยู่ไหนแล้วสุขก็เรียกว่าธรรมอยู่ที่ไหนแล้วเหนื่อยเรียกว่าทำเช่นกัน แต่อยู่ที่ไหนแล้วรอแล้วรอเล่ารอผู้นำเล่าอ้างสิ่งที่อ้างชักพาให้ทำคือ บุญ บุญนั้นคือบาป หรือ บาปนั้นคือบุญ ทรัพย์ กำนลครู *** ครู คือ ใคร ใคร คือ ครู *** ครูคือผู้กำเนิดเกิดมาเพื่อให้หาใช่ครูเกิดมาเพื่อล้างผลาญ ครูคือผู้สอน ครูคือผู้อบรมบ่มนิสัย ตรงกันข้ามคนลักครูจำพวกยกตนขึ้นเป็นครูคนหาได้ให้ในสิ่งใดเลยแม้แต่ให้ใจต่อผู้ที่เคารพศรัทธาในตน อยากได้ อยากมี เรียกร้อง รีดไถให้ได้มาซึ่งทรัพย์ที่ยกตนขึ้นเป็นครู น่าสสมเพชกับผู้คนผู้ทหลงผิดเฝ้าหมอบกราบอยากรู้ความในวิถี ปฏิบัติศรัทธากับคนลักครูจำพวกนี้เสียเวลาตั้งสติคิดใหม่ยังมิสาย คนคือคน ครูก็คือคน ครูแรกครูสอนครูอบรมหวังให้เรานั้นได้ดีปฐมแห่งครู คือ บิดา-มารดาเรานั่นเอง …

โบราณกล่าวมีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท บาทวิถีก็พึงบรรจบให้ครบถ้วนด้วยปัญญาจะนำพามาซึ่งความสำเร็จ ไม่มีบาทวิถีแห่งศรัทธาใดจะกำเนิดเกิดบารมีด้วยการต้องซื้อ บารมีพึงสร้างด้วยสิ่งที่ตนพึงกระทำบนบรรทัดฐานแห่งคุณงามในความดี คิดดี ทำดี อยู่ในสถานที่ๆดี ศรัทธาคือเส้นบางๆที่กำเนิดเกิดขึ้นในใจคน ความดีที่กระทำจะนำส่งให้พบเจอแต่คนดีพร้อม๙เดินร่วมเคียงกันในบาทวิถีแห่งมายาด้วยศรัทธานำพา คิดวิเคราะห์ในสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เป็นจริง ยอมรับความจริง จริงด้วยเหตุและผลแห่งความจริงจะบังเกิดด้วยความสำเร็จนั้นคือเกราะกำบังตนให้เจริญด้วยวิถีแห่งตน ความจริงจงเจริญ …

ปล. ขอบคุณภาพประกอบบทความบาทวิถีพระมารดาชนนีมาณ.ที่นี้ด้วยนะเจ้าค่ะ … เพลิงในมายา