ฟ้า๑เดียวในดวงใจ

ปฐมมงคลชีวิตบนบาทวิถีแห่งศรัทธาในมหามายาแห่งศักติมายา เริ่มเห็นนั้นก็หมายถึงโสตประสาทความเป็นเราเริ่มรับรู้เมื่อสายตาแรกเห็นเสมือนจริตในจิตตนได้สัมผัส กาลเวลาผ่านเลยมาร่วม๔สิบปีเศษกับพระนาม *** องค์เจ้าแม่ศรีมหาอุมาเทวี *** ภาพในความทรงจำเทพเทวี๔พระกรผู้มีพระพักตร์สงบนิ่งน่าเกรงขามทรงสถิตนั่งบนบัลลังก์ราชอาสใน๑พระกรทรงถือต้นอ้อยไว้ในหัตถา เริ่มต้นจากภาพพิมพ์จำหน่ายในยุควันกระเตาะละอ่อนต่อโลกสมัยเรียนโรงเรียน กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เห็นแล้วชอบก็ซื้อติดมือถือออกจากอัมมะสถานกลายกรุงสยามกลับเรือนมาใส่กรอบไม้ไหว้บูชาตามประสาเด็กเริ่มหัดไหว้เทพเจ้า นึกย้อนก็พาภิรมย์นึกแล้วขำจุดธูปยังไม่เป็นท่องความนำขยายใดๆก็ไม่เอาอ่าว …
อ้าวไม่ถึงอ่าวแต่เอาเข้าจริงๆไม่ตอแหลเอาดีเข้าตัวเหมือนสาดทาในยุคสมัยนี้เริ่มดี ดีคือรู้ดีไปหมดรู้นามยังพออภัยให้เป็นทางแต่ที่ไม่ให้อภัยในจิตของกระแสพามูผ่านจอนิยามนุ่งขาวถอดท่อนบนกิ๊กกิ๊กก๊ากก๊ากน่าขำสิ้นดี กาลก่อนย้อนวันวานไม่มีให้เห็นภาพแบบนี้เลยสักรูว๊ายมิใช่สักเรือน กาลก่อนแต่นานมานิยมในนิยามชุดขาวเสื้อกุยเฮง-กางเกงปั๋งลิ้มสีขาวเท่านี้ก็หรูหราหมาไม่เห่า ตรงกันข้ามกับยุคสมัยนี้โลกทั้งในอยู่ในจออยากรู้อยากเห็นอะไรเพียงแค่กด ค่าความต่างกระจ่างสายตาแต่จะจริงเท็จประการใดนั้นขึ้นอยู่ที่บุญนำพาหรือซ้ำกรรมในกำซัดก็เท่านั้นเอง เริ่มไม่ถึงเดือนเวียนวนยังไม่ทบวันกำเนิดรู้ไปหมดต้องแบบนั้นต้องแบบนี้ พาเพลียในจริตที่ยากจะหาผมสีดอกเลาจะออกมาขัดแย้ง เกรงจะไร้มารในคราบฅนไม่ยกหน้าถือตนขึ้นเป็นอาจาน จารที่มิใช่จารย์ ๒ความในหมายต่างจากใส่ได้ทุกสิ่งตั้งแต่ดียันเน่าบูดไปตามกาลเวลาที่ตักใส่อยู่ในจาน ส่วนจารย์นั้นหมายถึงคลังแห่งความรู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตชำนาญในสรรพวิชานั้นๆถึงเรียกคำนำขยายว่าจารย์ …

*** องค์เจ้าแม่ศรีมหาอุมา เทวี ***
๑สิ่งที่เป็นกันทุกตัวตนไม่ว่าจะสังคมใดๆในโลกาภิภพก็เถอะใหม่มาหอมดอมดมทั้งวี่วัน นานวันไปในสิ่งที่ซื้อหามาไหว้ก็ได้ไม่ถึงเดือนภาพที่ชอบก็ไม่ต่างอะไรกับ ๑ภาพที่นิยามแขวนไว้ประดับข้างฝาเรือนไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่เคยขาดความเคารพสิบนิ้วพนมก่อนออก-กลับเข้าเรือนทุกวัน จริตในกายาบอกเลยว่าคันจิลูปาตี้ในจิตอยากได้เทวรูปเจ้าแม่ศรีมหาอุมาเทวีมาบูชามาก แต่ด้วยความกรูมันจนก็ต้องเจียมตนประมาณตนได้ก็เพียงแค่วาดฝันครองตำแหน่ง๑เดียวในจริตกับความมโนจิตหลายปีซ้อน สักวันบุญนำพาวาสนาส่งก็คงได้มีมูรติพระมารดาชนนี๑เดียวในดวงใจมาครองเรือน ๑เดียวในดวงใจสมัยวัยละอ่อนไม่รู้หรอกว่ากราดสายตาพาภิรมย์เห็นเทวรูปทองเหลืองว่างามในสายตาจะมิใช่ทองเหลืองแต่เป็นปัญจ๕ธาตุ-นว๙ธาตุที่มากด้วยราคาขาย ที่คว่ำไว้ให้ผู้คนบูชาคือหินดำที่เห็นผ่านตาก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แขกไหว้กรูก็ไหว้ตามแขก แขกบอกให้ทำอะไรกรูก็ทำตามแขก ยุคสมัยนั้นหมาก็ไม่เห่าหอนเช่นทุกวันนี้นะเพราะทำตามแขกแบบแขกไหว้แม่กรูก็ไหว้แม่แต่ไม่ใช่แซงแขกเป็นพราหมณ์แขกแหกตาฅนเช่นทุกวันนี้ …
ธรณีนี่นี้เป็นพยานกรูเป็นศิษย์ไม่กี่อาจารย์แต่ก็ไม่เคยยกนามครูขึ้นมาบังหน้า เพราะครูกรูไม่เคยสอนอะไรในองค์ความรู้เกี่ยวกับการบัตรพลีบูชาถวายเทพเทวดาไม่ว่าจะสายแขกสายสยามรวมไปถึงสายแผ่นดินมังกรผงานฟ้าครูกรูก็ไม่เคยสอน ด้วยยุคสมัยนั้นที่ติดปากถึงเวลาแล้วมึงจะรู้เอง ถึงเวลาแล้วมึงจะมีเอง วกกลับเข้าเรื่องด้วยความในสันดานเป็นคนไม่ใฝ่รู้ ชอบก็บอกว่าชอบแต่ไม่เคยชอบค้นคว้าหาดาวศึกษาผ่านปากใครต่อใครให้จิตกำเนิดเกิดความวุ่นวายเพราะมันจะนำพาความวายวอดมาสู้กรู ในยุคสมัยนั้นไม่มีแม้แต่หนังสือจะให้อ่านไม่มีข้อมูลใดๆให้ค้นคว้ากระจ่างในจิตนอกเสียจากปากสู่ปาก จริงแท้ถูกหรือผิดกับความเป็นมาแบบภารตะชนแต่โบราณกาลหรือไม่นั้นตอบไม่ได้จริงๆ ผิดกับยุคสมัยนี้อยากรู้อะไรมีให้รู้มีให้ดูครบเครื่องเรื่องชิงหน้าที่พราหมณ์ มีให้ดูครบยันตำราขยับปากสอนกราดผ่านจอ จบข่าวที่ความจั๊วะหายแว๊บไปกับกาลเวลา …

*** งามสมค่าที่รอคอย กราบ ***
กาลเวลามีค่าถ้าเรารู้รอ รอเวลามาที่จะได้มีมูรติพระมารดาชนนีในพระนาม ศรีมหาอุมาเทวี ถึง๔สิบกว่าศกสมจิตในจริตกับการรอคอย๑เดียวในดวงใจทรงต้นอ้อยในหัตถามาสถิตเป็น๑เทวีประธาน ณ. มหามายา ภูมายาเทวีสถาน ใครใคร่หาในสิ่งใดไม่ทราบด้วยสันดานความเป็นกรูไม่เคยสอด-ส่อง-เสือกสาระแนอยากรู้เรื่องใคร่ความอันใดของใครหน้าไหนมาให้รกสมอง มูรติสวยไม่ต้องงามหน้าผู้เป็นเจ้าของก็พอเห็นมานักต่อนักหินมาเสยหน้าเผยอเชิดชูคอเป็นตัวแม๊กันเป็นทิวแถว ไม่ขอต่อแถวกับสาดทาชิงพราหมณ์ได้แค่ปรามให้เสียเวลาคิดรังสรรค์สร้างศักติมายาสถาน ชอบที่ทันจริตในจิตคิดอยากมีคงความสง่างามตามเทวีปกรณัมเป้นพอ ไม่ต้องปลายพระนาสิกแหลมพุ่งเหมือนแหลมพรหมเทพ พระถันไม่ต้องกลมกลึงเด่นจนเกินงามไปกว่าพักตร์ชนนี พระชงฆ์ยันพระบาทพระหัตถาชัดพระนขาครบเท่านี้ก็เกินพอ ไม่จำเป็นต้องคมชัดลึกตามกระแสฅนชอบปาดพาดหน้ากันน่าขำสิ้นดี …
ดี ดีใดไหนต้องเหล้าไม่ชอบถวายเหล้าจึงต้องเล่าความมานำขยายไว้ให้สานุบนเรือนกรูได้ย้อนอ่าน ความในกรูไว้เป็นแม่แบบจะได้ไม่แตกแถวกับเจตจำนงความเป็นต้นสายนั้นคือ กรู กรูที่ไร้ครูคนผู้ชี้นำมีแต่ครูฟ้า๑เดียวในดวงใจที่นำพาให้กรูสำเร็จในทุกวิถี คิดดีต้องเคียงคู่กับการทำดีและยืนหยัดอยู่กับฝูงคนดีร่วมกันส่งคุณงามในความดีที่กระทำให้คงอยู่คู่ศรัทธาบนเรือนชานมายาเทวี จิตในจริตนึกอยากได้มูรติมาสักการะบูชาแรกเริ่มต้องถูกจริตเมื่อแรกเห็นเสวนาซื้อขายไม่มีให้เลือก๒เป็นรองเด่น ๑เดียวณ.เพลาที่อยากได้แล้วงามจริตกรูยิ่งชอบ แม้จะไม่ได้เห้นด้วย๒ตาตนแม้เพียงกราดสายตาผ่านสายศรัทธาทริปท่องไปในมาเลพากรูเพลิดเพลินผ่านจอ ทำหน้าที่เป็นหูขยับปากบอกราคาเกราดสายตาตรวจความสมบูรณ์ขององค์มูรติเท่านั้นพอ ผ่านครบจบที่สมบูรณ์ไม่บิ่นแตกหักก็ส่งต่อให้บริษัทในเครือข่ายขององค์กรขนส่งสินค้าทางอากาศประสานงานต่อ ตรวจเอกสารการสั่งซื้อขายเสียภาษีขาออกครบ ตรวจความแข็งแรงของกล่องไม้ที่เรียกเก็บราคาเพิ่มเสริมหลังการขายเป็นเรื่องธรรมดาของการซื้อขายกับแขก ส่งแขกไปตามบี้ๆแล้วบี้อีกเขียนกำกับหน้าบนและล่างสลับกลับเปลี่ยนตรงกันข้ามตามจริตแขกก็คือแขกจริงๆ ทุกสิ่งว่าด้วยเรื่องเอกสารครบพร้อมเดินทางเหินฟ้าปลายทางณ.สยามแต่เริ่มเห็นใช้เวลา๕วันจัดส่งตรงถึง มหามายา ภูมายาเทวีสถาน เป็นที่เรียบ๑๐๐เท่านี้ก็สุขในนะเจ้าค่ะ ….

*** ทักษิณามูรติ ราชาแห่งปราชญ์ ***
อีก๑มูรติที่อยากได้มานานมากนั้นก็คือมูรติมหาโยคีศวร เคยวาดฝันไว้ถ้าได้ปลูกต้นบันยันทรีในมายาเทวีสถาน ยืนต้นแผ่กิ่งก้านเจริญงอกงามก็อยากจะสร้างเทวลัยองค์น้อยสถิตใต้ต้นบันยันทรีตามต้นเหตุที่ได้เคยเห็นผ่าน๒ตาเมื่อคราท่องชมพูทวีปในวันวาน ย้อนวันวานกับการเดินทางแดนดินถิ่นภารตะกว่า๒๐ศกที่ผ่านมาข้างที่พักณ.เมืองพาราณสีเห็นเทวลัยองค์น้อยทรุดโทรมไปตามกาลเวลา กราดสายตาทัศนาภิรมย์ผ่านแสงแดดยามบ่ายสาดส่องผ่านช่องผนังก่ออิฐฉาบปูนเทวประธานภายในไม่คุ้นตา แต่องค์รวมงามถูกจริต ถามชายชราชาวภารตะที่อิงอาศัยอยู่ข้างเทวลัยน้อยองค์นี้ได้ความมีนามว่า ศิวะ ศิวะก็ศิวะจะว่าไปในยุคสมัยนั้นไม่รู้นามกระจ่างจิตเหมือนยุคสมัยนี้จรืงๆนะเจ้าค่ะ ขนาดเจ้าของอารยธรรมเองยังเองยังเรียกนามรวมผ่านหูให้ได้ยิน ศิวะ ต่างกับศรัทธายุคข้อมูลแน่นจริงบ้างเท็จบ้างกดผ่านแป้นพิมพ์นำส่งไปเก็บไว้นอกโลกพิภพ เจิดจรัสแสงมีนามว่าดาวเทียมกระจ่างจิต ทักษิณามูรติ …

*** ๑ความมโนในจิตที่เป็นจริง ***
ทักษิณมูรติแปลว่า “ผู้ที่หันหน้าไปทางทิศใต้ทักษิณยะ” แปลว่า กรุณา ในภาษาสันสกฤต หรือความเมตตา (ความปรารถนาดี) ดังนั้น การแสดงออกของพระศิวะจึงเป็นครูผู้ใจดีที่มอบปัญญาให้แก่ผู้แสวงหาความรอดพ้นในวัดพระศิวะส่วนใหญ่ รูปสลักหินของทักษิณมูรติจะตั้งหันหน้าไปทางทิศใต้ บนทางเดินเวียนรอบวิหารด้านใต้ ในลักษณะของพระอิศวรในฐานะจญานะทักษิณามูรติ พระอิศวรมักจะปรากฏกายด้วยพระกรพระองค์ประทับนั่งอยู่ ใต้ต้นบันยันทรีหันพระพักตร์ไปทางทักษิณทิศ พระผู้นุ่งลมห่มฟ้าเป็นอาภรณ์สถิตประทับนั่งบนบัลลังก์โอบล้อมพระบิดามหาโยคีศวรด้วยฤๅษีทั้ง๕ที่กำลังสดับรับฝังคำสอนปรัชญา …
จากเดิมที่เคยเห็นผ่านตาทรงนิยามในค่านิยมปางลีลานาฏราช พระบิดามหาโยคีศวรองค์ประทับนั่งโดยยกพระบาทขวาวางอยู่บนอปัสมาระว่ากันว่าในตำนานเป็นอสูรซึ่งตามตำนานฮินดูชนได้กล่าวว่าไว้เป็นบุคคลแห่งความไม่รู้ และพระบาทข้างซ้ายของพระบิดามหาโยคีศวรทรงวางพับไว้เท่าที่เคยเห็นผ่านตากับผลงานหลากหลายศิลปินแห่งภารตะชนรังสรรค์สร้างขึ้นทักษิณามูรติมีภาพสัตว์ป่าอยู่โดยรอบ สื่อในหมายแห่งพระนามถึงพระองค์ทรงสถิตเป็นราชาแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง ในพระหัตถาส่วนบนพระองค์ทรงนาคพันที่ข้อพระกรบ้างก็เห็นผ่านตาด้วยผลนามมงคลแห่งไศวนิกาย รุทรักษะ หัตถาทรงถือกปลาที่โชติช่วงไปด้วยเปลวอัคนี ในขณะที่พระหัตถาขวาล่างของมหาโยคีศวรแสดงเป็นวยาคยานามุร พระหัตถาซ้ายล่างของพระมหาโยคีทรงถือมัดหญ้ากุศะบ้างก็พระคัมภีร์ก็ไม่แปลกเพราะทุกลีลาแฝงไว้ถึงผู้รู้ที่ทรงแสดงทำที่พึงกระทำ ดัชนีของพระหัตถ์ขวาของพระองค์งอและสัมผัสกับปลายนิ้วหัวแม่มือ ส่วนอีกสามนิ้วจะเหยียดออก ท่าทางมือเชิงสัญลักษณ์หรือมุทรา ปริศนาแห่งศรัทธาหรือไรมังค่ะ … แม่พระเพลิง