มายา
ปฐมบทความ๑อักษรสยาม พ-พอ ย่อมาจากวลีคำกล่าวเตือนสติตนเองว่า พอ พ.พอมากด้วยความหมายหยิบจับมาต่อท้ายขัดเกลาจิตผู้ศรัทธาเช่นดิฉันให้รู้ พอ ด้วยความไม่รู้พอในจิตนั้นไม่เคยปราณีใครหากมิรู้พอ พอตัว พอตน ขัดเกลาให้เรานั้นพอเพียงกับบาทวิถีแห่งตน กว่า๓ทศวรรษบนเส้นทางแห่งศรัทธาในมหามายาแห่งศักติมายา กับ๑อัตลักษณ์เฉพาะบุคคล ผ่านเอกลักษ์ว่าด้วยสัญลักษณ์บ่งบอกถึงพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ที่ดิฉันให้ความเคารพ ทุกครั้งที่คิดรังสรรค์สร้างศิลป์ย้อนถามใจตัวเองทุกครั้งว่า พอหรือยังไม่พึงพอ ย้อน-คิด-พิจารณา ถามใจตนเองไฉนถึงยังไม่รู้ พ.พอ แรงแห่งศรัทธาที่มีในจิตกับ๑คำตอบเดิมๆที่ดังกึกก้องขึ้นในใจ ยัง-ไม่-รู้-พ.พอ …
๑วลีคำเรียกนำหน้านามเตือนตนคนคิดสร้างเช่นดิฉัน *** ผู้สร้าง *** วลีคำในความหมายโดนจิตดิฉันเป็นที่สุดจะให้สุดกับคำว่าพอก็คงเป็นไปมิได้ การเป็นผู้สร้างปัจจัยหลักสำคัญคือมีสมองคิด สมาธิไว้วิเคราะห์ ปรัชญาในปัญญาไว้แยกแยะ ด้วยจุดหมายปลายทางของคนเราแตกต่างกันด้วยเจตนาในเจตจำนงของแต่ละคน ทุกครั้งคราที่คิดสร้าง๑คำถามย้อนในจิต สร้างขึ้นเพื่อ(อะไร) สร้างขึ้นมา(ทำไม) คำตอบเดียวสั้นๆสะท้อนในจิต คือ ศรัทธา ด้วยปัญญาในปรัชญาแห่งศรัทธาในมหามายาชนนี๑เดียวในดวงใจ สิบยันร้อยพันหมื่นแสนล้านคนสร้างขอเป็น๑ผู้สร้างที่ไม่แฝงปลายเหตุแห่งปัญหานานานับประการผ่านการพาณิชย์แห่งมายาเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเรียงนาม จะมีสักกี่นามในแวดวงมายาศรัทธาที่จะกล้าแต่งเติมเสริมสร้างในสิ่งที่วาดฝันให้เป็นจริง ด้วยความจริงที่ตนเป็น …
หลายคนถาม หลายคนเล่า หลายปากสาดกราดขยายความในสิ่งที่ตนสร้างเอ๊ะหรือแสร้งสร้างขึ้นเพื่อสนองความมโนในจิตคิดแสร้งเสมือนให้เป็นจริง ไม่เห็นจำเป็นต้องหยิบยกวลีคำขยายใดๆมานำหน้าในสิ่งที่เรานั้นคิดกระทำ *** ชนนีบัญชา *** ดิฉันว่าวลีคำนิยมกล่าวตามกระแสฅนเข้าจ้าว แปลงนามเทวดาเข้าฅนบ้างก็เทวีมาแฝงบอกญาณเจ้าพ่อมาแฝงสั่ง ให้ทำนั่นทำนี่ควรจะหมดยุคหมดสมัยฅนขลาดสิ้นคิดเสียที การจะเป็นผู้สร้างสิ่งแรกเริ่มเดิมความนั้นต้องแสดงศักยภาพในพลังแห่งศรัทธาที่มีอยู่ในตนผ่านการกระทำตนให้รอบข้างเห็น เห็นความจริงไม่ใช่เห้นเงาฉายผ่านมายา(สาไถ) หาใช่แฝงพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาชักนำบังหน้าตนคนคิดสร้าง ต้องสร้าง สร้างแล้วจะดีแท้จริงแล้วไซร้เห็น(ดับ)ทุกราย วลีคำว่าพลังในที่นี้หมายถึง พลังงานที่ผ่านการกระทำตนให้ยืนอยู่บนบรรทัดฐาน๑ผู้ศรัทธาที่ปราศจากศรัทธาพาณิชย์ ทำพร้อมกระทำตนให้เป็นแบบอย่าง ตรงกันข้ามหาใช่เอาแบบอย่างในสิ่งที่ตนวาดฝันหยิบยกอิงแอบแฝงตัวเข้าหาสิ่งนั้นเพื่อหวังจะเป็นเงาในมหามายา เงาก็คือเงา หากเราคิดจะเป็นผู้สร้างแต่มีเงาแฝงครอบงำจิตเปลี่ยนจริตเป็นอื่นที่มิใช่ตนนั้น *** เสียเวลาเปล่า *** ก็ไม่ต่างอะไรกับคำว่า วิถีชุบมือเปิบกับศรัทธาด้วยสันดานเปิบความตนฅนไม่รู้แจ้งในความหมายแห่งปรัชญาแฝง ลักแต่จะเป็นเปิดปมจริตคิดอยากเป็นในที่ลับก็เป็นได้เพียงแค่ ๑ผู้แสร้งสร้างให้มีกระแส สาด-ทา-ผ่าน-จอ-แฝง-การพาณิชย์ ภายใต้พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ …
จ. จอ จริง ไม่อิงนิยาย จริงที่คิดมิเช่นนั้นคิดจะเป็นผู้สร้างหาใช่ต้องอิงแอบแนบพระนามแห่งศรีชนนีขึ้นบังหน้า เบื้องหน้าของผู้สร้างต้องบังเกิดจากความเจริญในความสำเร็จ เบื้องหลังของผู้สร้างที่ดีคือหลากหลายในความจริงมารวมกันให้เป็น๑ จริงที่คิด จริงที่กระทำ ดิฉันไม่เคยเอ่ยวลีคำอิงแอบแนบอ้างว่าสิ่งนี้ในสิ่งนั้นชนนีบัญชา คิดทำก็ต้องวิเคราะห์ให้ได้แยกแยะให้เป็น วิถีปถุชนคนธรรมดาเดินดินที่คิดสร้างเลยมาไกลมาก สำหรับดิฉันสร้างมาหมดครบทุกสิ่งหินหรือก็รังสรรค์สั่งแกะสลักขึ้นเป็นมูรติก็นับไม่ถ้วน เนื้อทองเหลืองหรือก็สร้างบ่อย เนื้อทองแดงที่ต่างเรียกกันว่าสำริดหรือก็เททองหล่อสร้างแล้วอีกเช่นกัน ทุกครั้งที่คิดสร้างไม่เคยอิงแอบแนบพระนามชนนีขึ้นมาบังหน้าว่าต้องสร้างเลยสักครา ทุกครั้งคราที่คิดสร้างด้วยแนวทางศรัทธารังสรรค์สร้างศิลป์ หาใช่สร้างเพราะเทวดามาสั่ง สั่งน้ำมูกยังยากต้องรอกายาป่วยหายใจเข้า-ออกติดขัดสั่งมูกออกให้แสบรู จิตไม่ป่วยต้องสำนึกได้ว่าคิดสร้างขึ้น พ-พอ-เพื่อ อะไร …
ใช้ชีวิต๙เดินบนบาทวิถีศรัทธาย้อนคิดไม่ขัดแยงในสิ่งที่สร้างทุกสิ่งที่สร้างขึ้นด้วยรักจนกลายเป็นรักษ์ รักษ์ไว้ด้วยนามแห่งมหามายา สาดส่องย้อนความในทุกสิ่งที่หยิบจับขึ้นทำสานฝันให้เป็นจริง จริงที่เป็นคือหลายหลากผลงานที่คิดรังสรรค์เริ่มไหว้เริ่มบูชาไม่เคยย้อนวลีคำถาม๒รูเดินดินที่มีลมหายใจเข้าออกเช่นดิฉัน คนเหมือนกันต่างกันที่ความคิดสิ่งที่คิดหยิบจับขึ้นทำไม่ผิดกาลเทศะในพระนามแห่งมหามายาชนนีเป็นพอ พอที่ไม่เคยพอด้วยพระนามแห่งดุรกาชนนีย้ำเตือนจิต พ-พอ-พลาด ชีวิตไม่เคยพลาดเลยไม่เคยผิดต่อพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ หยิบจับเอ่ยความผ่านเส้นสายรังสรรค์สร้างเป็น๑เทวศิลป์ไม่ละม้ายคล้ายหน้าตนคนคิดสร้างเป็นพอ …
หลายกระแสกับค่านิยามความเป็นตนฅนคิดสร้างโดยมากช๊อบชอบสั่งสร้างให้พักตร์เทพเทวดาที่รังสรรค์ละม้ายคล้ายตน ไฉนเลยมิหยิบจับคันฉ่องขึ้นสาดส่องสะท้อนฉาย ตนคือคน ฅนในกำมักซ้อนกรรมในสิ่งที่จิตคิดเป็นๆตนคนคิดสร้างพึงทบทวนความให้เหมาะสม เทพเทวดาแม้มีโอษฐ์มิได้เปล่งเสียงเจื้องแจ่วได้เช่นตนคนคิดสร้าง ย้อนถามใจทุกคราศาสตร์ว่าด้วยศิลป์แบบไม่เป็นประสาทกับหลายหลากผลงานรังสรรค์สร้างไว้ให้เป็น๑มรดกของแผ่นดิน ดั่งวลีคำกล่าวชนนี๑เดียวในดวงใจเกิดกำเนิดบนปฐวีใดจงรู้ค่าในคุณของแผ่นดินนั้น อารยคือรากเหง้าของชาติกำเนิดเกิดเป็นสายศรัทธาสยามคิดรังสรรค์ไม่คัดไม่ลอกอารยศิลป์ต่าง ตรงกันข้ามชอบสร้างศิลป์สยามให้โลกแห่งมายาว่าด้วยศรัทธาต่างอารยศรัทธาสยามได้ภิรมย์ …
แนบเสียงบรรลือเล่าเขาเล่าอ้างให้สนิทไม่หยิบยกในคำคนเล่าขานขึ้นมาเป็นโจทย์ในการรังสรรค์สร้าง สรรพสิ่งในธรรมชาติคือที่มาของพลังแห่งศรัทธา เอนกายาพังพิงสดับเสียงสายลมพัดผ่านสิ่งต่างที่เห็นผ่านเลนส์ตาสอดคล้องให้พ้องเสียงขับขานลากเส้นสายขีดเขียนขึ้นเป็นโครงรังสรรค์สร้างในคตินิยมถูกการในกาลว่าด้วยทำมาก่อนธรรม ทำใดก็ทำนั้นชอบหยิบจับขึ้นทำด้วยธรรมชาติเป็นปฐมบรมครู กำเนิดเกิดด้วยไฟว่าด้วยน้ำผ่านบัตรพลีสนองตอบโจทย์ด้วยผลลัพธ์น้อมบัตรพลีสอดคล้องขึ้นเป็น๑ ศาสตร์แห่งมายา …
บอกกับใจ๙เดินบนบาทวิถีแห่งศรัทธาเคารพในนามแห่งมหามายาแบบเป็นประสาทนั้นต้องไม่สอด-ไม่ส่อง-ยึดถือในศาสตร์ใดจากใครมาเคียงใจในกายาตน ต่างในความต่างจะนำพาให้ได้ย้อนคิดทบทวนความ ความใดจะมากค่าเท่าความจริงในเส้นสายศรัทธาที่เลือก๙เกดินไปบนบาทวิถีแห่งความจริงไม่มีอีกแล้ว เท่าที่เห็นเท่าที่นิยมเป็นสร้างลักในนามแห่งเทพเทวดาก็มีไม่น้อย อย่าหยิบยกในสิ่งที่มิใช่เป็นแนวทางหนทางยังอีกแสนยาวไกลหยิบจับสิ่งที่มีให้เป็นจริงคุณค่าของบาทวิถีแห่งมายาในศรัทธาหาใช่สิ่งที่คนต่างรังสรรค์ เพราะทุกสิ่งที่สร้างย่อมพังลงไปตามกาลเวลามองฟ้าให้เป็นฟ้า มอบดินให้เป็นดิน มองน้ำให้เป็นน้ำ ๓ตำราฟ้า-ดิน-น้ำว่าไว้ด้วยตรีจักรวาลอย่าหลงผิดคิดลวงตน๓ภพผ่านความมโน นะโม-ปฐมวลีคำนำหน้าพุทธาภิเษก โอม-ปฐมวลีคำนำหน้าเทวาภิเษก จะหยิบยกศาสตร์ใดขึ้นครองตนพึงภิรมย์ชมธรรมชาติรอบข้างไว้สอนใจ … เพลิงในมายา