ป.เปรื่อง

ป.เปรื่อง

ปฐมบทความ ป. เปรื่องประเทืองปัญญาดั่งเช่นปราชญ์ตนคนคิดสร้างให้แตกฉานรับเทกาลอันศักดิ์สิทธิ์ *** คเณศจตุรถี บูชา *** มาจะกล่าวถึงบทความไว้เตือนตนคนคิดสร้างเช่นดิฉัน หาได้คิดสอนใครต่อใครให้หยิบจับสิ่งต่างขึ้นบัตรพลีบูชาถวายหลายที่มากผู้รู้ผ่านสื่อหลายหลากถ้อยวลีคำผ่านจอแนะนำสอนไว้บูชา บอกกับใจหมดเวลากับการฉุดหยุดคนรอบข้างให้ตาสว่าง หมดเวลาเตือนใครให้พ้นวิบากแห่งกำในกรรมผ่านศาสนว่าด้วยพิธี วันสรรเสริญนามราชบุตรเอกแห่งศักติมายา ๑วันเฉลิมฉลองมงคลนามราชโอรสเอกบุรุษแห่งไศวนิกายนึกย้อนทบทวนความในวลีคำกล่าวของชนนี๑เดียวในดวงใจไว้เตือนตน *** หยุด คือ อย่า *** อย่า-ได้คิดทำ อย่าทำเพื่อหวังที่จะเป็น เป็นเราที่เราเป็นๆให้เจริญคือ๑วิถีคนเจริญตนด้วยศรัทธานำพา …

ตน คือ ตน หาใช่ใครอื่นสิ่งอื่นที่มิใช่วิถีตนคนคิดสร้างอย่าได้หยิบจับสิ่งที่เห็นผ่านตาโดยมิได้รู้แท้ขึ้นมากระทำ แท้หาใช่ลักจะทำเพื่อหวังเป็นๆใครที่มิใช่เป็นตนนั้นยากที่จะเจริญ จงพอใจกับสิ่งที่ตนมีและจงใช้สิ่งตนมีติดตัวมาแต่เกิดนั้นคือปัญญา เพียรใช้ปัญญาตนให้แตกฉานแม้จะร้าวฉานกับฅนคิดต่าง ต่างที่คิดไม่ผิดถ้าจิตตนนั้นไม่ลวง-ไม่หลอก-ไม่เบียดเบียนใครให้ได้มาซึ่งสุขที่กระทำ คิดมีจึงคิดสร้างไม่ใช่เรื่องแปลก ๒เท้าที่๙เดินด้วยลำแข้งตนคนคิดสร้างคือสุขแห่งศรัทธาที่แท้จริง จริงหาได้ต้องมี จริงหาได้ต้องสร้างเพราะทุกสิ่งธรรมชาติรอบข้างได้สร้างไว้ให้ครบหมดทุกสิ่ง เพียงรักษ์ไว้ในทุกสิ่งบนบาทวิถีแห่งศรัทธานำพา ตน …

*** ปัญญากำเนิดศรีแห่งปราชญ์ ***

รากฐานของชีวิตทุกชีวิตภายใต้วลีคำนำหน้าว่า *** คน *** คนทุกคนต่างมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างเมื่อต่างที่เริ่มปลายทางของชีวิตคนในแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา ต่างคิดด้วยสิ่งที่พึงปรารถนาจะมีในจิตให้เป็นจริงแต่จะเป็นจริงได้นั้นพึงมีสติ ค.-คิด-ว.-วิเคราะห์-ย.-แยกแยะกับบาทวิถีแห่งศรัทธาที่เกิดกำเนิดในจิตตนจะไม่เสียทรัพย์ควักจ่ายสักสตางค์แดงเดียว ส่วนตัวดิฉันชอบภาพนี้เป็นที่สุดแม้ภาพจะไม่คมชัดสักเท่าไรแต่ด้วยวลีคำแฝงในเชิงปราชญ์ย้ำเตือนใจทุกครั้งคราที่ได้เห็น ขัดเกลาจิตดิฉันให้นึกย้อนถึงเรื่องเล่า๙ยัน๑๐ผ่านเทวปกรณัมที่คัดลอกเล่าขยายความเสริมเติมแต่งความสู่กันฟัง …

ท่องจักรวาล ฟังความว่าด้วยโจทย์จากสุรเสียงผ่านพระโอษฐ์ราชบิดา สติคือปัญญาแห่งราชบุตรหาได้๙เดินห่างราชอาสน์ไม่สติมาปัญญาเกิดความเป็นปราชญ์ด้วยความเปรื่องในปัญญา ๙พระบาทเริ่มทักษิณาวรรต๓รอบผู้เป็นราชบิดา-ราชมารดาเปรียบเสมือนยาตราทั่วท่องตรีจักรวาล ไม่มีสิ่งใดในตรีจักรวาลจะยิ่งใหญ่เท่าบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดเกิดเป็น๑ลมหายใจเข้าออกของผู้เป็นบุตร เกิดเป็นบุตรพึงให้ความเคารพความสำคัญกับสิ่งที่ให้กำเนิดเกิดเป็นตน ย้อนถามในจิตตนศรัทธาเกิดรักชอบพลีบูชาถวายเคยย้อนถามใจตนให้กระจ่าง จำความได้ลืมตาเห็นทัศนียภาพของโลกกาพิภพเคยให้ความเคารพต่อบิดา-มารดาผู้ให้กำเนิดตนแล้วหรือยัง …

แล้ว หรือ ยัง คือคำนำความและคำตามหลังให้ความเคารพแล้ว-ยังมิได้ให้ความเคารพ เพียงถ้อยวลีคำกล่าวสั้นๆมากความหมายผ่านการกระทำตนต่อบุพการีก็จะบ่งบอกถึงตนคนคิดสร้างได้เป็นอย่างดีว่าตนเป็นหรือตนคนมากหวังที่จะเป็น หูยังรู้ฟังความอย่าลืมรู้คิดในสิ่งที่รู้มาให้กระจ่างจิตก่อนลงมือทำ รู้แท้จะรู้จริงต้องเพียรกระทำในสิ่งที่รู้มาทำให้เป็นนิสัย ด้วยนิสัยจะเป็นเครื่องวัดความรู้ตนว่ารู้ทำ เริ่มจากทำจนบังเกิดวิถีแห่งธรรมมิใช่เรื่องง่ายหากผู้กระทำนั้นขาดสติ สติตนคนคิดสร้างต่างมีเจตนารมณ์ในสิ่งที่ตนคนคิดสร้างด้วยกันทั้งสิ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกกับความคิดคนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดในความต่าง ผ่านถ้อยวลีคำในความต่างที่ดิฉันหยิบยกขึ้นเป็นบทความไว้เตือนใจตนคนคิดสร้างเช่นดิฉัน อย่าได้ทำในสิ่งที่เห็นแล้วจิตมิชอบภาพทุกภาพที่บันทึกฉายรวมไปถึงภาพที่ผ่านมือขีดเขียนวาดแต่งแต้มสีก้ล้วนแล้วแต่มีเจตนาที่แฝงด้วยกันทุกภาพไป อย่าผ่านตาไปเพียงภิรมย์ชมภาพว่าสวยงามดี ความดีมีแฝงไว้ให้คิด พึงย้อนคิดถึงเหตุอย่าหวังผล ผลลัพธ์ของความหวังหาได้เป็นจริงเสมอไปเพราะคำว่า พร พรที่ต่างวิงวอนร้องขอนั้นไม่มีอยู่จริง …

*** ป.ปัญญา ***

ป. ปัญญาหาใช่ปัญหา มิเช่นนั้นเราคือ๑ผู้บูชาถวายต่อเทวราชแห่งปราชญ์สิ่งที่พึงมีติดตนให้เป็นสันดานนั้นก็คือความเปรื่องประเทืองปัญญา เปรื่องที่ใมิใช่เปลืองปัญญาทุกสิ่งที่คนเรานั้นต่างหยิบจับขึ้นบัตรพลีถวายพึงรู้หมายหารู้ใช่เพียงว่าต้องมีหยิบจับวางขึ้นบูชาถวาย เมื่อเราผู้บูชารู้ในความหมายที่แฝงไว้ในแต่ละสิ่งทุกสิ่งถูกหยิบจับขึ้นใช้บัตรพลีถวายในศาสนว่าด้วยพิธี จะไม่สิ้นหวังพึงเริ่มต้นด้วยไม่คิดหวังผ่านการร้องขอแบบไร้สติ คิดหวัง ต่างต้องรอ รอแล้วรอต่ามคำเล่าจะสำเร็จใดได้เล่าถ้าไม่รู้ทำจิตตนผู้บูชาในสิ่งที่ปรารถนาจะเป็นจริง ย้อนถามตนถ้ารู้คิดจะไม่รู้ขอ สิ่งที่วิงวอนร้องขอต่อเทพเทวดาที่เราต่างเคารพบูชาย่อมกระจ่างจิตว่าได้หรือมิได้ ถ้ารู้คิด อย่าเสียเวลากับการรอคอยแบบสิ้นในสิ่งที่หวังผ่านศาสนว่าด้วยพิธีให้มีกรรม มากความให้มากเรื่องๆของศรัทธาหาใช่เรานั้นต้องเป็นจ้าวพิธีเสมอไป …

ป.ปราชญ์ถูกหยิบจับขึ้นสร้างในรูปของผลงานที่ผู้บูชาต่างแสวงหามาเพื่อตั้งกราบ เพื่อตั้งไหว้ และท้ายสุดเพื่อบูชา จุดหมายแห่งปราชญ์มิได้ถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อขอในสิ่งที่ผู้บูชาคิดหวังได้และหวังจะมี ปราชญ์ในปรัชญาถูกแฝงไว้กับภาพผ่านมือจิตรกรรวมไปถึงผลงานของช่างประติมากรรม ผลงานทุกชิ้นงานล้วนต่างเกิดกำเนิดขึ้นจากจิตมโนผ่านเรื่องเล่า๙ยัน๑๐+เทวปกรณัมกำหนดรวมเป็น๑ขึ้นเป็นผลงานว่าด้วยศรัทธารังสรรค์สร้างศิลป์ เสมือนเทพเจ้ามิได้อยู่ห่างไกลมนุษย์ผู้ศรัทธาในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพระองค์ …

*** ***

ภิรมย์ชมในสิ่งใดพึงมีสติคิดย้อนถึงรากเหง้าของตนคนศรัทธา รากก็คือราก คนทุกคนต่างเกิดกำเนิดต่างไม่แตกต่างถ้ารู้คิด-รู้กระทำ(ตน) ตนคือตนไม่จำเป็นต้องแปลงตนเป็นผู้รู้ที่ไม่รู้แท้ขึ้นสอนใคร ใครต่อใครต่างหวังได้ในสิ่งที่ตนปรารถนาจะมีด้วยกันทั้งสิ้นอย่างให้ความหวังครอบงำจิตความงมงายจะครอบครองใจบุคคลผู้นั้นโดยปริยาย ดิฉันเองก็เป็น๑ในผู้ภิรมย์ชมในความต่างของฅนหลงรากหลงเหง้าในชาติกำเนิดมานักต่อนัก ละม้ายคล้ายเหมือนวิ่งผลัดเข้าโคงแตกแถววิ่งแซงหน้า คิดมี-คิดสร้างตามติดด้วยคิดค้านำเสนอขายในสิ่งที่ปากตนกล่าว เคารพบูชา …

เป็นเรื่องน่าเศร้าในจิตอย่างที่สุดกับกระแสค้าเน้นเพื่อขายศรัทธาที่ตนมี คิดค้าคิดขายไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ที่แปลกคือคิดขายในสิ่งที่คนศรัทธาแฝงด้วยพระนามประกอบกิจกรรมขยับปากร่ายมนต์กลลวงในคาถาเสกเป่าประกอบการขายนั่นสิเป็นเรื่องแปลกแต่ก็มีอยู่จริง #ความจริงจงเจริญ ความเจริญของตนคนศรัทธาหาใช่ต้องทำตนวางตนเป็นผคนเหนือใคร คนทุกคนต่างเข้าถึงศรัทธาได้ก็ด้วยใจ ใจเขามีใจเรามีก็เข้าถึงศรัทธาได้โดยผ่านสติทอดยาวเป็นสะพานนำพาสู่สายศรัทธา สติมาปัญญาเกิดคนเราจะบังเกิดความสำเร็จได้ก็ด้วย ปัญญาตนคนคิดทำ …

ไม่มีพรใดในโลกที่เราผู้ศรัทธาต่างเฝ้าวิงวอนร้องขอขอผ่านรูปเคารพแห่งศรัทธาจะเป็นจริงได้ ถ้าสติไม่เกิดความสำเร็จจะผ่านเข้ามาในวิถีชีวิตเราได้ฉันใด ฉันนั้นศรัทธามิได้สอนให้เราลุ่มหลงในพิธี(กำ)ที่หลายสายหลายศรัทธาต่างนิยมชมแล้วชอบหยิบยกสิ่งที่ตนชื่นชอบเป็นแบบอย่าง จนลืมคิดย้อนถามใจตน๙เดินตามใครอย่าลืมมองว่าเท้าที่๙เดินไปข้างหน้านั้นคือเท้าใคร แท้จริงแล้วเท้าที่๙เดินไปข้างหน้าจะนำพาให้เราถึงที่หมายปลายทางคือความสำเร็จคือ๒เท้าที่ติดตัวเรามาแต่เกิด ๒เท้าที่เรามีพึงเพียรตนให้รู้หยุดพิจารณาตนแท้จริงนั้นคนและสัตว์รวมถึงแมกไม้นานาพรรณต่างยืนด้วยลำแข้งตนด้วยกันทั้งสิ้น หากเราคิดยืนด้วยลำแข้งใครอื่นเรานั้นจะยืนหยัด-ยืนทนด้วยการยืนนานยืนครองความสำเร็จในชีวิตแบบถาวรก็คงเป็นไปได้ยาก จะไม่ใช่เรื่องยากถ้าเราไม่ลุ่มหลงกับสิ่งต่างที่แฝงมากับ ศรัทธา(ลวง) …

*** จริง-ไม่ -ใช่ อภินิหาร ***

ศิษย์ต้องมีครู เรียนจากครูหรือเลียนแบบครู พึงนึกย้อยถึงครูของครูเคยสอนเคยสั่นให้หยิบจับขึ้นกระทำด้วยโอษฐ์แห่งองค์ครูที่เราต่างสรรเสริญถวายในลำดับแรกก่อนศาสนว่าด้วยพิธีจะเริ่มต้นขึ้นหรือก็ไม่ *** ที่ว่าไม่มีใช่-ไม่ปฏิบัติ-มันผิดตนผู้ศรัทธาจะไม่เป็นที่โปรดปรานของเหล่าเทพเทวดา *** วลีคำบอกเล่า๙ยัน๑๐เช่นนี้เสียรู้ฅนมานักต่อนัก ฅน๒วิญญาณในร่างเดียวที่เฝ้าลวงตนผ่านรูปของศาสนว่าด้วยพิธีที่ผู้ศรัทธารุ่นใหม่ๆมักขลาดในสติจึงเกิดภวังค์ในจิตลุ่มหลงในสิ่งที่มิอันควรเป็นชอบ จึงนิยมชมชอบส่งเสริมยกยอ-ป.ปอปั้นกันขึ้นเป็น พราหมณ์(ลวง)แทนพราหมณ์ในวรรณะ …

บาทวิถีแห่งศรัทธานั้นคือ๑ตำราที่มีมานานแต่กาลก่อนสอนให้เห็นถึงความจริงที่เป็น ใช้ชีวิตเป็นสุขกับสิ่งที่เห็นสิ่งนั้นใช่อื่นใดสิ่งนั้นแท้คือติดตัวมาแต่เกิดกำเนิดขึ้นเป็นเราผู้ศรัทธา ศรัทธาหาใช่เรื่องอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ถ้าเราผู้ศรัทธาย้อนทบทวนความในสิ่งที่เวียนผ่านเข้ามาในชีวิต พิธีคือสะพานกำที่ทอดยาวมาสู่วิถีชีวิตคนๆแล้วคนเล่าต่างบอกเล่า๙ยัน๑๐เรื่องความเชื่อผ่านอิทธิฤทธิ์เชิงปฏิหาริย์หลายสิ่งเกิดกำเนิดขึ้นก็ด้วยปากฅน ปากหนอปากไฉนจึงนิยมส่งเสริมขยายความเล่าสู่กันฟังเชิงปฏิหาริย์เกิด เกิดสิ่งแปลกไปจากธรรมชาติกำหนดสร้างไว้ได้ฉันใดได้เล่า ผลไม้แกว่งไกวห้อยอยู่บนต้นถึงเวลาร่วงหล่นยังตกลงสู่พื้นปฐวี สิ่งมีชีวิตถูกสร้างให้ใช้ชีวิตติดดิน๙เดินเคียงดิน ไฉนเลยผู้นำทางจิตว่าด้วยวิญาญแฝงนามแห่งเทพเจ้าพระองค์นั้นถึงนิยมชมแล้วชอบเอ่ยเรื่องราวอิธิฤทธิ์เชิงปฏิหาริย์นำเสนอเป็น๑วิถีแห่งศรัทธา น่าคิดจัง …

เทพเทวดาหาได้ลองใจใครๆคิดเช่นนั้นเป็นเรื่องตลกเชิงแปลกดูประหลาดสิ้นดี กระแสนิยมผ่านจอมีให้ชมชอบเอ่ยความเทวดาชอบลองใจคน คนเราโดยแท้ยังไม่รู้ตนจิตเราโดยแท้ยังไม่รู้ความแล้วไฉนเลยเทพเทวดาที่ไร้ตัวตนจะว่างภิรมย์ยาตราผ่านชั้นบรรยากาศมาลองใจเราผู้ศรัทธาในพระนามแห่งพระองค์ มายาก็คือมายาหากเกิดศรัทธาต่อท้ายด้วยลวงตนหยิบจับกำเทียนขึ้นร่ายรำกำไฟก็หาใช่หน้าที่ของเทวดาที่ผู้คนทั่วทั้งโลกต่างให้ความเคารพนับถือหรือก็ไม่ การแสดงมายาใดก็มายานั้นแสดงถูกทางให้คนมีใจได้ภิรมย์ต่างสิบนิ้วพนมก้มศีรลงกราบ ตรงกันข้ามหากแสดงผิดที่ร่ายรำผิดทางให้คนไม่เชื่อได้ชมผ่านตาวลีคำด่า คน-มัน-บ้า ก็จะลอยลิ่วมาตามลมไม่ภิรมย์หูเหตุเกิดจากทัศนาไม่พาภิรมย์ในจิตนั่นเอง …

*** อ้าเสือ ง้างสิงห์ ***

อ้าปากเสือ ง้างปากสิงห์ ๑วลีคำกล่าวชนนี๑เดียวในดวงใจกล่าวไว้เตือนสติดิฉันคนคิดสร้าง ปากถูกสร้างไว้ด้วยหน้าที่ไม่กี่หน้าที่ ปากมีไว้พูด ปากมีไว้เพื่อใช้รับประทาน ปากมีไว้ใช้ดื่ม อีก๑หน้าที่ของปากนั้นก็คือกลืนสิ่งมากคุณค่าผ่านปากลงท้องเพื่อยาไส้ แต่หน้าที่ของปากมิได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนองในวลีคำ *** กลืนไม่เข้าคายไม่ออก *** วลีคำนี้ถูกหยิบยกขึ้นสอนใจตนคนคิดสร้างอย่าใช้ปากบอก อย่าใช้ปากสั่ง อย่าใช้ปากคลายปริศนาในสิ่งที่ตรงกันข้ามมาคิดกระทำ สิ่งที่เราพึงทำคือทำตนวางตนที่เป็นตน อย่าได้คิดแม้เพียงสอนใครให้คิดตาม อย่าได้คิดแม้เพียงเอ่ยให้ใครกระทำตาม ทุกชีวิตที่อยู่เบื้องหน้าเจ้านั้นเขามีในสิ่งที่เจ้ามีเช่นกันหาใช่ต้องสอน ธรรมชาติสร้างสรรพสัตว์ให้มีเขาและไร้สิ้นเขาเจ้าจงมองดูรูปลักษณ์ของวัวผู้สร้างมาให้มีเขาเช่นเดียวกับควาย วิถีคนมีเขาเช่นเจ้าหาใช่ต้องสอนเขา เขาคิดได้ก็เป็นสุขเขาคิดมิได้ก็คือทุกข์ของเขา …

หากเจ้าคิดจะเป็นผู้สร้างจงสร้างในวิถีหาใช่สร้างเสริมในวิบากแห่งกำที่แฝงมากับคำว่ากรรมที่เขาบดบังไว้ด้วยกิเลสมากตัณหาแสวงหาราคีคาวมาสุมตน กองกิเลสในจิตคนยากที่จะล้างให้หมดไปด้วยวลีคำสอนผ่านปากเจ้าไม่ วิถีแห่งศรัทธาบอกเล่า๙ยัน๑๐ก่อนพลีบูชาถวายในศาสนว่าด้วยพิธีใดบอกกล่าวองค์ปฐมแห่งคีตายกนามขึ้นเป็นบรมครูแห่งจักรวาลนั้นสอนให้รู้คิดสอนให้รู้เริ่มๆในสิ่งใดพึงเริ่มในวิถีคำครูสอน ครูพร่ำสอนก็เพียงเพื่อให้ผู้เป็นศิษย์นั้นได้ดี ได้ครูดีมีชัยไปกว่าครึ่งทาง ได้ครูผิดแปลกในทำนองแฝงครอบนามไว้ด้วยธรรมที่ตนคนเป็นครูไม่กระทำ ชีวิตผิดทิศความสำเร็จในชีวิตก็เปลี่ยนทาง …

*** หน้าละม้ายคล้าย ม้า ***

อาชานั้นคือม้า แก้วหน้าม้ายังเป็น๑วรรณคดีนิทานพื้นบ้านไว้สอนตนวิถีแห่งศรัทธาก็เช่นกันจะเห็นได้จากผู้ใกล้ชิดมักนิยมส่งเสริมเพิ่มรายได้ผ่านพิธีทำให้บังเกิดกรรมในกำซ้อนไว้ด้วยกำ ผู้นำกล่าวหน้าม้านั่งเคียงข้างเสริมเป็นฉากๆเสมือนการแสดงสดที่ไร้ซึ่งบทความนำเสนอละครชีวิตหน้าม่านที่ไม่ต้องซักซ้อมบทประกอบท่าทางทุกอย่างร่วมวงบรรเลงลวง *** มิจฉาแห่งศรัทธา *** ต้องนั่นตามมาด้วยต้องนี่ใจเริ่มชอบความลุ่มหลงเพิ่มระดับปรับตนจากไหว้เรียบง่ายจิตอยากรู้ผิดหรือถูกที่กระทำแสวงหาคำตอบผ่านผู้รู้เป็นเหตุให้เสียรู้ ด้วยช่องโหว่เล็กๆกับความอยากรู้คือบ่อกำเนิดเกิดความงมงายมาสู่ตน …

ศรัทธากับความงมงายใกล้กันเพียงเส้นขีดบางๆที่กำหนดไว้ด้วยวลีคำว่า มิ มิควรกระทำคือรูปกระทำของคำว่าถูกกาลเทศะอะไรควรอะไรมิควรขีดบางๆขวางเลนส์ตา เห็นเขาทำต้องกลับเรือนมาทำบ้างกว่าจะถึงบางอ้อปากร้อง อ๋อ ก็เสียทรัพย์ เสียรู้ฅนชักนำตนสู่ความงมงายคว่ำไม่ตายหงายไม่เป็นคืออาการทางจิตที่ยากจะรักษาให้หายขาดถ้าขลาดด้วยสติ-ปัญญาตน จิตอันบริสุทธิ์แท้ที่เคยมีได้จางหายไปกับสิ่งที่กระทำโดยไม่ย้อนคิดพิจารณาทบทวนความที่ผ่านหูให้กระจ่างจิต ด้วยจิตคิดเป็นมักนำพาให้วอดวายด้วยแรงส่งจากปากหน้าม้าผู้กำชัย …

*** ชนนีสอนบุตร ***

รูปแบบของศรัทธาก็ไม่ต่างกับชนนีผู้ให้กำเนิดสอนบุตรให้รู้ผิดด้วยรู้ชอบที่บุตรนั้นใฝ่กระทำตน ด้วยบาทวิถีแห่งศรัทธาในแบบภารตะชนสายใดก็สายนั้นต่างมีเทวสตรีขึ้นเป็น๑ชนนี คำสอนที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนไม่มีใครตอบได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้กำหนดแต่เราผู้ศรัทธาอย่าได้ริกำหนดสิ่งที่เกิดขึ้นจากตนมโนจิตแจ่มขึ้นทดแทน ป.ปราชญ์แห่งปัญญา ไม่มีตำราใดในโลกที่สอนคนบนพื้นโลกให้รู้แจ้งเท่าตำราที่สอนให้เห็นจริงเท่าตำราชีวิตที่ผ่านเข้ามาให้ศึกษา มากมายหลายล้านตำราว่าด้วยวิถีชีวิตคนต่างถูกอบรมสั่งสอนมาจากสถาบันแรกของชีวิตนั้นก็คือ *** สถาบันครอบครัว *** ครอบครัวคือ๑พื้นฐานของชีวิตที่จะนำส่งให้สมาชิกในครอบครัวเป็นคนดี-ร้าย-เลว-ชั่วในสังคมนอกเรือนก็ขึ้นอยู่ที่การอบรมสั่งสอนของสถาบันแรกของชีวิต ครอบครัว กับ๑วลีคำกล่าว พ่อแม่ไม่สั่งสอนไว้เตือนใจ …

ศรัทธาหาใช่ครอบครัวเพราะศรัทธาเกิดกำเนิดขึ้นที่ตัวบุคคลคนในครอบครัวเดียวกันโดยแท้เมื่อมีชอบก็ต้องมีไม่ชอบ ถ้าย้อนคิดทบทวนความเริ่มต้นวันแรกของศรัทธาถ้าเราผู้ศรัทธาไม่มากความใดให้มากเรื่องแปลกประหลาด(ใจ)ของคนในครอบครัว แต่ถ้าปากเริ่มเป่า มือเริ่มแกว่งไกว เริ่มหยิบจับสิ่งต่างๆขึ้นบัตรพลีถวายผ่านการเผาลงสู่กองไฟ ๒เท่าเริ่มออกงานร่ายอารตีไฟนอกเรือนที่อิงอาศัยเมื่อใด สิ่งต่างที่ตนคนบูชาคิดกระทำตนให้กำเนิดเกิดความแปลกตาของคนในครอบครัวตีแผ่ถึงคนรอบข้างบ้านเรือนเคียงกันจนเกิดคำว่าพอดีที่พอเหมาะปัญหาเกิดความสันติสุขในครอบครัวลามไปถึงสังคมรอบข้างที่ไม่ปรารถนาจะรับฟังกับเสียงที่หยิบจับขับกล่อมผ่านกลิ่นธูปหอมควันกองกูณฑ์ที่ลอยไปตามลม ศรัทธาคือความเชื่อส่วนบุคคลเราเชื่อในแบบที่เราเชื่อก็ไม่จำเป็นที่เขาต้องเชื่อในสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาจะได้อรรถรสรูป-รส-กลิ่น-เสียงที่เขาไม่ศรัทธา …

*** รู้รสเมื่อสำเร็จต้องลงมือทำ ***

เกิดเป็นคนพึงใช้ปากให้เกิดประโยชน์ คนทุกคนมีปากเป็นเอกต้องใช้ปากให้ถูกทาง สกุณาแลปักษายังส่งเสียงล้อเลียนแบบเสียงสำเนียงคนได้ฉันใด ฉันนั้นเกิดเป็นคนหากใช่ปากผิดหน้าที่พึงระวังตนคนขายหน้านกและกา ปักษาภิรมย์เรียก พ่อจ๋า สกุณาพาเพลินเรียก แม่จ๋า แล้วไฉนปากคนถึงส่อสำเนียงเสียงภาษาผิดส่อความอกตัญญูต่อสิ่งที่ตนเรียกขานว่า ชนนี ฅนชอบด่าพ่อ-ฅนชอบด่าแม่ ออกสำเนียงเสียงสื่อความหมายผิด สัตว์ขยับปีกยังรู้ใช้ปากส่อเสียงสำเนียงคน ฅนจัญไรชอบใช้ปากเอ่ยเท็จไว้ลวงคนฉันใด ฉันนั้นปากหอนปากๆนกกายังรู้คาบ ตรงกันข้ามปากคนผู้อ้างตนคนมีศีลจะไม่พูดให้ใครเสียทรัพย์ปากคนมีธรรมจะไม่บดบังความจริงและด้วยปากคนมีเมตตาจะไม่ลวงหลอกใครให้ได้มาซึ่งสุขแห่งตน …

ปาก หนอ ปาก วลีคำที่ออกจากปากจะเป็นตัวปรับเปลี่ยนให้ไม่เชื่อไม่ศรัทธาแปรเปลี่ยนมาเป็นผู้ศรัทธาได้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ว่ายากจะทำเช่นไรให้ผู้ศรัทธาเข้าถึงสัจธรรมกับความเป็นจริงที่ไม่หลงในรูป ไม่หลงในวลี ไม่หลงตามกระแสผ่านจอที่มีให้เห็นทุกเช้ายันค่ำ ด้วยสังคมโลกเปลี่ยนไปทุกสิ่งง่ายเพียงปลายนิ้วกดผ่านจอ จะทำบุญบอกบุญหรือจะแจ้งข่าวสารใดผ่านจอไว้เสียยิ่งกว่ากระพริบตา ไม่กี่วินาทีกระจายในสิ่งที่ผู้นำเสนอไปทั่วทุกมุมโลก สังคมโลกของเราทุกวันนี้อยู่ยากเพราะมีแต่คนหวัง คนอยากมีโดยที่ไม่คิดทำให้ตนมีบนความถูกต้อง อาชีพทุกอาชีพตามมาติดๆด้วยมิจฉาชีพด้วยความต้องการของคนมีช่องว่างเล็กๆในใจ ช่องวางนั้นก้คือความอยากให้สมดั่งใจตนปรารถนา สติมีไม่ฝึกใช้พิจารณาก็ต้องตกเป็นทาสในความลวงที่แฝงมากับสังคมคนติดจอ …

*** ป.ปั้นแต่ง ***

ศรัทธารังสรรค์สร้างศิลป์ผ่านการป.ปั้นเสริมเติมแต่งขึ้นรูปไว้เพื่อกราบไหว้บูชา สรรเสริญภายใต้พระนามแห่งเทวบุตรพระองค์นั้นผ่านมือประติมากรผู้รังสรรค์สวยงามว่าด้วยประสบการณ์หมั่นเพียรฝึกฝนให้ชำนาญงานที่เราต่างเรียกว่า ศิลปิน ศิลปินคือ๑ผู้สร้างชิ้นงานผ่านจินตนาการนั้นก็คือความมโนในจิตแจ่มจรัสให้เป็นจริง จริงที่ว่าผ่านการด้วยกาลในเวลาจากเริ่มต้นลงมือปั้นแต่งจนเสร็จสำเร็จเป็น๑ผลงานเทวแห่งศรัทธา จะเสมือนจริงต้องทาสีวางจัดเข้าที่สวยงามพร้อมส่งมอบให้ผู้เป็นเจ้าของผลงานยกกลับไปบูชาถวายสุดแล้วแต่จิตแฝงไว้ในใจของผู้บูชาจะบัตรพลีบูชาด้วยศรัทธาแท้จากใจที่มากด้วยมากความบริสุทธิ์ หรือเขามีต้องมีบ้างประกอบฉากขึ้นบัตรพลีถวายลวงตนแสร้งสรรเสริญเกินรากฐานผู้ศรัทธาอยู่ที่เจตนา …

เริ่มจากช่างดีมีชัยไปกว่าครึ่งอีกครึ่งถึงมือผู้บูชาดีพระนามแห่งเทพเทวดาพระองค์นั้นก็ไม่เสื่อมเสีย หากถึงมือผู้ค้านามวิบัติเป็นสร้างความเสื่อเสียให้พระนามแห่งทวยเทพเทวดามีมากโข ๑วลีคำกล่าวชนนีเตือนใจตนคนคิดสร้างเช่าดิฉันอย่าได้สะสมสร้างกิเลสให้เป็นตัวมี๑พึงรู้พอหาใช่๒ไม่รองใคร จะมี๑มีสิบยันมีร้อยไม่เท่าร้อยเรียงเคียงใจตนให้เป็น๑ขึ้นบูชาถวายบัตรพลีใดมากค่าไม่เท่าคุณค่าความเป็นตนคนคิดสร้างไม่ค้านามแห่งเทพเทวดาพระองค์นั้นให้เสื่อมเสีย สิ่งที่เสียนั้นคือนามผู้บูชาสิ่งที่เสื่อมคือนามแห่งเทพเทวดาพระองค์นั้นมีให้เห็น ศรัทธาเกิดอย่าเห้นผิดหยิบจับเป็นชอบ ชอบทำย่อมมาก่อนชอบในธรรมนำพาให้เจริญ …

*** แสงสว่างแห่งปัญญา คือ สติ ***

ศรัทธานำพาให้เจริญได้ไม่ใช่เรื่องยากหากเราผู้ศรัทธาไม่ลุ่มหลงในสิ่งที่เกิดไปกว่าความน่าจะเป็นไปได้ ธรรมชาตินั้นคือครูที่แท้จริงทุกสรรพวิชาล้วนแล้วแต่มีปฐมตำราว่าด้วยธรรมชาติทั้งสิ้น หน้าที่แห่งครูสาดส่องแสงตะวันฉายยามเช้าครูแห่งตะวันไม่เคยลืมในหน้าที่ จันทราฉายก้ไม่เคยลืมหน้าที่ๆบ่งบอกถึงเวลาด้วยการในกาลเปลี่ยน หากไร้สิ้นจันทราฉายสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนพื้นปฐวีจะหาได้รู้เวลาไม่เช้ายันค่ำไม่ต่างค่ำยันเช้าทุกชีวิตถูกสร้างให้รู้พักผ่อนนอนหลับ แต่สิ่งเห็นคือกฎแห่งทำที่สร้างทุกสิ่งขึ้นมาในรูปของธรรมชาติรอบข้าง ทุกสิ่งมากเกิดความพอดีก็จะถูกตัดทอนลงให้สิ้นอายุไขด้วยการไร้แสง แสงหามีหน้าที่สาดส่องสว่างให้กับสิ่งมีชีวิตให้เจริญเติมใหญ่ฉันใด ฉันนั้นด้วยความสูงใหญ่แผ่กิ่งก้านมากสาขากับความเจริญของตนพุ่ง-ยืนออกไปหาแสงมากเท่าไรความเจริญงอกงามก็พร้อมที่จะทำหน้าที่บดบังแสงกับสิ่งที่เล็กหรืออิงอาศัยใต้ล่างกว่าตนให้สิ้นลงด้วยการไร้ซึ่งแสงสว่างสาดส่อง บริเวณใดมากแสงสาดส่องสว่างเกินความพอเหมาะสิ่งมีชีวิตต่างก้ล้มหายตายจากพื้นปฐวีนั้นคือวัฏแห่งจักรจักรวาลกำหนด …

บาทวิถีแห่งศรัทธาก็เช่นกันหากเราผู้ศรัทธาคิดทำมากเกินไปกว่าความจริงที่พึงกระทำนั้นก็หมายความว่าทุข์อันแสนน่าเวทนาก็จะบังเกิด สิ่งที่จางหายไปกับการในกาลที่ปฏิบัติตนจนเป็นนิสัย ตายทั้งเป็นก็จะเกิดขึ้นกับบุคคลนั้นๆ กำในกรรมที่ตนต่างหยิบยื่นให้กับตัวเองรู้ทั้งรู้ว่ามิควรแต่ยังกระทำ ทำเพราะรักต่างกับลักที่จะทำรักสืบสานไว้ด้วยรักษ์ต่างกับลักยากที่จะกลับคืนเป็นรักด้วยสิ่งที่ตนเคารพบูชาศรัทธาหาใช่การวิงวอนร้องขอตามจิตตนผู้บูชาปรารถนาจะมี มีใดมีได้แต่ที่มีได้ด้วยปัญญาตนเพียรกระทำคือ๑สิ่งที่ผู้ศรัทธาคู่ควร …

*** เลนส์ตาคือหน้าต่างแห่งปราชญ์ ***

ดวงตาคือหน้าต่างของใจและด้วยใจคือศูนย์กลางของชีวิตทุกชีวิตหากไร้สิ้นใจก็ยากที่จะเสร็จสำเร็จลุล่างลงได้ด้วยความเป็นตน *** ตนคือที่พึ่งแห่งตน *** ภาพที่บังเกิดผ่านเลนส์ตาตนจะนำพาให้ตนนั้นกระจ่างในจิตถ้ารู้คิด-รู้พิจารณาก่อนที่จะลงแรงกระทำในสิ่งใดพึงย้อนมองสิ่งต่างรอบตัวที่เรียกว่าครูผู้นำพาสรรพวิชาว่าด้วยธรรมชาติกำหนดไว้ ไม่มีสิ่งใดเจริญงอกงามเติบใหญ่ได้กลางเวหาฉันใด ฉันนั้นวิถีแห่งศรัทธาสอนให้รู้ตนพึงเคียงดิน ที่ใดมีดินที่นั่นย่อมมีน้ำที่ใดขาดซึ่งน้พที่นั้นก้ยากที่จะเจริญงอกงามทุกสรรพสิ่งถูกจับวางให้เคียงคู่กัน ไม่ต่างกับเราผู้ศรัทธาในพระนามแห่งพระองค์ หาใช่เคียงคู่อยู่ซึ่งหน้ากันและกันช่องว่างระหว่างเราผู้ศรัทธากับเทวลักษณ์แห่งเทพเทวดาพระองค์นั้นพึงมีเพียงแสงสว่างจากดวงประทีปที่สาดส่อง หาใช่สอดส่องเฝ้าเพียรหาสิ่งทดแทนแฝงนามเทพเทวดาเสวนาผ่านศาสนว่าด้วยพิธีให้มีกรรมในกำติดตน …

คิดรักด้วยคิดชอบจนเกิดเป็น๑พลังแห่งศรัทธาธรรมชาติสร้างกายามาให้ครบ๓๒สิ่งต่างมีหน้าที่ใช้สอยที่แตกต่าง ด้วยความต่างรวมเป็น๑นั้นคือกายาที่เราถูกสร้างขึ้นมาจากบิดา-มารดาบังเกิดเกล้า ๒ใน๑สิ่งเดียวในตรีจักรวาลที่ไม่สามารถหาใครมาเสมอเหมือน ที่ต่างละม้ายคล้ายเหมือนก็เพียงนามตามกระแสที่เรียกส่งต่อกันว่าแม่ แม่ที่มิใช่แม่บังเกิดเกล้าเราต่างพร้อมพลีถวายชีวิต ต่างกับแม่ที่อุ้มท้องให้กำเนิดเกิดเป็นเราขัดตาด้วยวลีคำขัดหูกราดด่าไม่ยั้งคิด ควรหยุดคิดสักนิดก่อน๑สิ่งในจักรวาลจะลาภพ พึงทำตนให้มีค่า ค่าของคนอยู่ที่ตนทำตนหาใช่ใครนำพาให้ตนสำเร็จ แม้แต่มูรติเหล่าเทพเทวดายังไม่สามารถขยับโอษฐ์ให้ได้ยินสุรเสียงให้เราได้ฟังผ่านหู มีแต่เพียงนามแฝงที่ลวงตนจนเกินงามเฝ้าลวงหลอกสายศรัทธาให้วิถีชีวิตแปรเปลี่ยน ผิดคือชอบมิได้ฉันใด ฉันนั้นพึงชอบไว้ด้วยสิ่งที่ตนทำ ทำตนให้มากสติในทุกขณะจิตผ่านการในกาลใช้นำพาวิถีชีวิตตนผู้ศรัทธาจะเจริญในวิถีแห่งตน ด้วย๓๒สิ่งในกายารวมเป็น๑ ๑ไม่เป็น๒รองใครเพราะใครอื่นหาใช่เรา วิถีชีวิตเราผู้ศรัทธาจะมีชัยไปกว่าครึ่งทางพึงเลือกสิ่งที่นำพามาซึ่งสุขหาใช่สุกแฝงมาลวงตน ศรัทธานำพา๒เท้า๙เดินหน้าสู่ความสำเร็จด้วยปัญญาแห่งตนไม่ใช่เรื่องยาก ตนรู้ตน คนรู้เพียร คนฉลากมากความเปรื่องไม่เปลืองปัญญาหลงผิดกับศรัทธา ผ่านเลนส์ตาสติกำเนิดเกิดปัญญาเจริญแท้แน่นอน … เพลิงในมายา