สุขก่อนลาภพ

สุขก่อนลาภพ

สุขใดก็สุขนั้น สุขก่อนสิ้นลมหายใจเช้า-ออกพึงสร้างสุขในจิตคิดนั้นให้เป็นจริง จริงในขณะที่เราเจ้าของกายายังมีลมหายใจ พึงค้นหาสุขในจิตตนให้พบเจอว่าสุขแท้สุขใจจริงของเราผู้เป็นเจ้าของลมหายใจเข้า-ออกนั้นสุขกับสิ่งใด พึงเร่งกระทำสุขในจิตเรานั้นให้เป็นจริง จริงกับสุขนั้นต้องผ่านความคิด วิเคราะห์แยกจำแนกสุขให้ดีเสียก่อนลงมือทำ สุขแห่งตนต้องไม่ได้มาด้วยความทุกข์ของผู้อื่น และสุขในตนจะสุขจริงสุขแท้ที่ได้มาครองนั้นต้องปราศจากการเบียดเบียน-ตอแหล-แถเท็จให้ได้มาซึ่งสุข สุขนั้นหาได้ครอบครองได้นานไม่เพราะเป็นสุขที่ได้มาจากความทุกข์ทางกายา-วาจา-ในจิตราของผู้อื่นนั้นหาใช่ความสุขที่ถาวรไม่ …

สุขกับสุกสำเนียงเสียงภาษาฟังดูละม้ายคล้ายกันแตกต่างกันในความหมาย หากลมหายใจเข้าออกยังมีสุขที่มีอาจจะปรับเปลี่ยนเป็นสุกก็เป็นได้เพราะกิเลสในจริตตนเป็นตัวแปรเปลี่ยนนั่นเอง ๑สุขล้านความหมายสุขที่ดิฉันกำลังจะเล่าความนำขยายให้ได้อ่านนั้นก็คือ *** สุขก่อนตาย *** เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ๔กฎหลักที่ทุกลมหายใจต่างต้องพบเจอและหลีกหนีไม่พ้นทั้ง๔ข้อนั้นคือสัจธรรมความเป็นจริง อยู่อย่างมีสุขพึงเร่งค้นพบตัวตนของตนให้เจอว่าสุขใดกันแน่ ที่เป็นสุขที่แท้จริง พบจริงต้องเร่งลงแรงกระทำสร้างสุขนั้นให้เป็นจริง๑วลีคำกล่าวจากพระมารดาชนนี๑เดียวในดวงใจ *** สุขในตนตราบนิรันดร์ ***

*** สุขในสิ่งใด สร้างสุขนั้นให้เป็นจริง ***

ชีวิตผ่านมากว่า๕ทศวรรษผ่านมาครบทุกรูปแบบผ่านผู้คนมาก็นับแสนชีวิต ได้พบเจอหน้าเสวนากันก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องทุกข์ใจของคนเหล่านั้นนำมาเล่าปรับทุกข์หวังทิ้งทุกข์พร้อมปรับเปลี่ยนกอบโกยสุขมาครองใจตนด้วยกันทั้งสิ้น ก่อนสิ้นลมหายใจชีวิตมากมีสุขนั้นต้องเตรียมตนให้พร้อมก่อนตาย ไม่มีใครรู้วันเกิดกำเนิดของตัวเองฉันใดในเวลาเดียวกันก็ไม่มีใครสามารถล่วงรู้วันตายของตนเองได้ฉันนั้น มิเช่นนั้นก่อนวินาทีสุดท้ายของชีวิตดิฉันจะมาถึง จะช้าหรือเร็วดิฉันเองก็มิทราบได้ แรกเริ่มของสุขตราบนิรันดร์ต้องล้างวิถีชีวิตเดิมๆที่ผ่านมาในชีวิตลบทั้งหมดทิ้งให้เป็น0 …

*** หมด *** วลีคำว่าหมดในที่นี้หมายถึงทำตนวางตนให้ชินกับคำว่าสุขเพียงลำพัง ทุกสิ่งที่พังหาใช่ตนแต่พังเพราะคนรอบข้างที่เรียกตนว่า มิตรลัก ครองสุขรักษ์ไว้ด้วยสุขแห่งชนนีประทานชีวิตจากนี้ไปต้องหมดสิ้นซึ่งคนคุ้นหน้า-ฅนแปลกหน้าที่เวียนวนผ่านเข้ามาเป็นมิตรรายวันไม่ซ้ำหน้าให้สิ้น พร้อมกับล้างเหล่ามิตรลักที่มักได้อยากมีแต่สุขจนขลาดสติท้ายที่สุดนั้นก้คือขาดในคุณธรรมความเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน สัจธรรมคือความจริงชีวิตห่างไกลมิตรลักมากเท่าไร คือ ประตูชัยแห่งสุขที่ไม่คบหาใครเป็นมิตรข้างกาย คือ พรอันประเสริฐที่พึงรู้พร้อมปรับเปลี่ยนตนก่อนลาตนสู่ภพต่างนั่นเอง …

*** รักคงไว้ด้วยรักษ์ เทวสถานพระมารดาชนนี๑เดียวในดวงใจ ***

ทุกสิ่งที่คิดมี กับทุกสิ่งที่มีไว้ในครอบครองหลายปากมักกล่าวกรอกใส่หูกันมาแต่นมนาน บุญใหญ่สร้างคนเดียวไม่เสร็จ เพราะผลบุญนั้นหนักเกินตัวคนสร้างจะรับไม่ไหวในบุญกุศลที่สร้าง แท้จริงที่รับไม่ไหวในวลีคำกล่าวของเหล่าบรรพชนผู้สร้างพุทธสถาน-เทวลัยสถานได้กล่าวไว้นั้นก็คือ *** คนร่วมงาน *** หลายปากย่อมหลายความคิดมากคนก็มากความ ด้วยสันดานความเป็นดิฉัน เพลิงในมายา ไม่ชอบรวมความคิดใครต่อใครรอบข้างให้เป็น๑ ด้วยสันดานชอบคิดทบทวนความหลากหลายสิ่งที่ชอบมารวมให้เป็น๑ ๑ในที่นี้จะเป็นอื่นไปได้ฉันใดสิ่งที่รังสรรค์สร้าง มหามายา ภูมายาเทวีสถาน สร้างไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดิน ทนแทนคุณแผ่นดินที่เคย๙เดิน ตอบแทนคุณปฐวีกำเนิดเกิดเป็นสยามรักจนกลายเป็นรักษ์ไว้ด้วยอารยศิลป์สยาม ให้ต่างชาติต่างภาษากำเนิดได้ทัศนาภิรมย์ชมสยามมีดีมิแพ้พ่ายชาติใดในโลก สุขในโลกแห่งความฝันจะมีเป็นจริงได้ด้วยแรงตน ทำ …

มรณานุสติ-สุขก่อนตาย ๒วลีคำนี้ใช้ควบคู่กันในการดำรงชีวิตรายวันได้เร็วมากเท่าไร เราผู้เป็นเจ้าของกายาในขณะที่มีลมหายใจเข้า-ออกนั้นเราสามารทำในสิ่งผิดให้เป็นถูก ทำในสิ่งที่ตนลวงตนให้กระจ่างในจิต ตนด้วยวิถีแห่งธรรมกับความเป็นจริง วิถีบ่วงแห่งบาปจะพ้นทางไปจากชีวิตถ้าเรารู้ตนก่อนตาย รู้ผิด รู้ชอบ รู้ชั่ว ท้ายที่สุดนั้นก็คือรู้ดี ความรู้ดีแต่ไม่รู้แท้เพราะไม่รู้จริงคือรากฐานแห่งความ บรรลัย ในทุกสิ่งถ้าเราคิดได้เมื่อใกล้ตายมันเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขทุกข์ให้เป็นสุข จิตในจริตว่าด้วยโลกแห่งวิญาณคือความเชื่อที่สืบทอดต่อกันมา๑ในภพต่าง ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่าภพต่างนั้นมีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริง ผู้๙เดินไปสู่ภพต่างก็ไม่มีวี่แววเวียนกลับมาเกิดกำเนิดขึ้นใหม่พร้อมเล่าความนำขยายได้เลยสักดวงจิตวิญาณเดียว มรณานุสติสอนให้เรารู้หยุด มรณานุสติสอนให้วิเคราะห์ความมโนในจิตกับการลวงหลอกตนเองคือรากฐานแห่ง บาป คุณค่าของมรณานุสติสอนเราให้รู้ตนสอนตนให้รู้คิด คิด-วิเคราะห์-แยกแยะเตรียมทุกสิ่งไว้เมื่อยังมีชีวิตสู่บั้นปลายชีวิตได้จัดเตรียมทุกสิ่งไว้พร้อมสรรพนั้นก็คือ ที่อยู่-ที่พักพิง-กับเรือนหลังสุดท้ายของชีวิตเมื่อจากลาสู่ภพต่าง *** วิถีสุขตราบนิรันดร์ ***

*** หอ ดุสิตารัตนวิมาน ***

*** สุขตราบนิรันดร์ *** ไม่มีอะไรจะสุขเท่ากับการเตรียมตัวเราให้พร้อมก่อนลาภพ ทั้งชีวิตกับความเป็นฉัน เพลิงในมายา ทำให้คนอื่นมามากถามว่าสุขใจบ้างไหมที่สร้างคนให้เป็นคนในวิถีแห่งมายาศาสตร์ บอกเลยว่าสุกที่ไม่ใช่สุข มีอยู่จริงหลงในคำว่ามิตรนำพาให้ผิดในกิจกระจ่างในจิต ถึงเวลาหยุดกงล้อชีวิตสลับเปลี่ยนดารารายที่สร้างมันให้เจิดจรัส ร้ายกลายกลับทุกสิ่งถึงเวลากลับมาที่จุดเปลี่ยนของตนเอง เริ่มต้นชีวิตใหม่ยังไม่สายกับการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้มากสุข ทิ้งความเมตตา วางความปรานีเพื่อคงไว้ซึ่งความปราณีในตน ความปรานีที่เคยหยิบจับปรับเปลี่ยนศกราศี-เคยปรับเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิตร้ายกลายกลับดับกลับให้เป็น …

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ทุกวลีคำเล่าผ่าน๒รูหูคือรากฐานของความทุกข์ หวังครองในสุขให้ชีวิตสุขสบาย เพราะทุกเรื่องราวที่บังเกิดขึ้นนั้นได้ไม่คุ้มเสีย หยิบอาการป่วยขึ้นทำเปลี่ยนกลับสลับเปลี่ยนป่วยให้พ้นวิบากกรรมกลับคืนสุขสู่สังขาร ดั่งวลีคำกล่าวของพระมารดาชนนีทุกข์นั้นหาใช่เราเป็นผู้ก่อ ไฉนเจ้าต้องประกอบกิจต้องแก้ไขทุกข์จากมิตรเคียงข้างหรือก็มิใช่ ไฉนต้องคลายทุกข์ของผู้คนที่ไม่รู้พอในตนให้กลายเป็นสุข หยุดปรับเปลี่ยนทุกข์ของผู้อื่นและพร้อมหันมาเสริมสร้างสุขให้กับตนเอง บาทวิถีทางแห่งสุขในจิตมีขนาดเพียงเท่ากำปั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินค้นหา วางใจพร้อมกลับใจในกายาให้พร้อมสร้างสุขให้เป็นจริง …

*** สถานแห่งสุขตราบนิรันดร์ ***

จริงที่ทำ น้อยคนนักนับหน้าได้ที่จะกล้าทำความเชื่อที่กรอกหูให้กันและกันมาหลายชั่วคน ไม่มีใครเตรียมตนก่อนตายเพราะกลัวความตายจะมาถึงตนไวกว่ากำหนด ใครเล่าที่กำหนดเราเจ้าของกายาต่างหากที่กำหนดเป็นกำหนดความตายให้ตัวเองทั้งสิ้น ตรงกันข้ามดิฉันทบทวนความในวลีคำกล่าวของพระมารดาชนนี๑เดียวในดวงใจ*** สุขตราบนิรันดร์ *** นั้นหมายถึงสุขสุดท้ายของวินาทีชีวิตที่รับรู้ได้ในขณะที่เรานั้นยังมีสติสัมปชัญญะ ถ้าจะย้อนกลับไปในอดีตวันวานที่ผ่านมาดิฉันเองก็สร้างมาครบหมดทุกสิ่ง วัดวาอาราม-ยันห้องสุขา-รวมไปถึงโรงเรียน-ยันเมรุ ถึงเวลาจัดเตรียมเรือนหลังสุดท้ายของชีวิตตัวดิฉันเองไว้ให้พร้อมใช้เมื่อยามหมดลมหายใจเข้าออกในภพชาตินี้ …

หลายคนถามไม่ถือเหรอ ถือทำไมให้หนัก สิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์บนโลกใบนี้มีเกิดย่อมมีตาย ทุกชีวิตต่างหนีความตายไม่พ้น ในเมื่อเราหนีความตายไปไม่ได้ก็ต้องเตรียมตนให้พร้อมตาย เรือนรองนอนสุดท้าย คือ หีบศพหรือที่คุ้นหูโลงศพบรรจุร่างไร้ที่สิ้นลมหายใจ เรือนน้อยยอดแหลมนั้นก็คือโกศบรรจุอัฐิ และท้ายที่สุดนั้นก็คือ *** หอ ดุสิตารัตนวิมาน *** ๑สถานที่รวมรวมอัฐิของผู้วายชนที่มากคุณในชีวิตอาทิเช่น บิดา-มารดา บรรพบุรุษ-ครูอาจารย์ รูปบันทึกฉายเหล่าบรรพชนในอดีตมารวมกันขึ้นเป็น หอ ดุสิตารัตนวิมาน

*** มองไกลมองให้ถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต ***

*** สุขตราบนิรันดร์ *** ๒ผู้สร้างดิฉันให้กำเนิดมีลมหายใจในภพชาตินี้ก็ด้วย บิดา-มารดา ด้วยนามวลีปากกาผ่านจอ เพลิงในมายา เป็นที่รู้จักกันในแวดวงศักติมายาศาสตร์ก็ด้วยพระนามแห่งฟ้าเรือนชานมายาเทวี หลากหลายสิ่งที่เริ่มต้นรังสรรค์สร้างขึ้นก็ด้วยรักสืบสานรักไว้ด้วยรักษ์ จะเป็นที่อยู่เหนือสุขตราบนิรันดร์นั้นจะเป็นอื่นไปมิได้นั้นก็คือ มูรติ องค์เจ้าแม่ศรีมหาอุมา-กาลีเทวี มูรติในตำนานพระมารดาชนนีประทับหลังพญาราชสีห์ ทำกิจถวายชนนีมาโดยตลอดกว่า๓ทศวรรษ ชีวิตมีได้ก็ด้วยเงาฉายผ่านกายาในมหามายาแห่งศักติมายาชี้นำพา เมื่อดับสิ้นลงในภพชาติกำเนิดเกิดเป็นเงาแห่งมหามายาในศักติมายา ขอฝากเถ้าอัฐิไว้กับปฐวีใต้มูรติอันเป็นที่รักษ์ …

สุดท้ายในบทความ สุขก่อนลาภพ สุขกับสิ่งที่รักคงไว้ด้วยรักษ์มารวมกันไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินสยาม แรงศรัทธาเล็กๆเพียงไม่กี่แรงกายรวมกันขึ้นเป็น๑เพื่อสืบสานวลีคำกล่าวพระมารดาชนนี๑เดียวในดวงใจ ศรัทธาหาใช่ต้องเสียทรัพย์ จิตเจ้าคิดมี จึงคิดสร้าง เจ้าเองก็สร้างมาครบหมดทุกสิ่งและทุกสิ่งที่เจ้าสร้างล้วนเป็นมงคลชีวิตมาโดยตลอด สถานธรรม เทวสถาน มูรติเทพเทวดา พุทธปฏิมาประธาน สร้างมาครอบขอให้จบที่ๆเจ้าพึงสร้างไว้ให้เห็นด้วย๒ตาก่อน๙เดินสู่ภพต่างนั้นก็คือ *** หอ ดุสิตารัตนวิมาน *** สร้างไว้ให้ดั่งจิตจะถูกจริตก็พึงสร้างให้แล้วเสร็จ เห็นในสิ่งที่จัดเตรียมก่อนไม่มีโอกาศได้เห็น เห็นแล้วมีสุขๆกับวิถีแห่งตนอิงอาศัยเคียงปฐวีสถานอันเป็นที่รักษ์ตราบนิรันดร์ … เพลิงในมายา